ยิ่งดื่ม ยิ่งดี 5 ข้อดีจาก “กาแฟ” สำหรับ “คอกาแฟ” ไทย

ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่คนนิยมดื่มกาแฟอย่างแพร่หลาย โดยพบว่า คนไทยโดยเฉลี่ยดื่มกาแฟอยู่ที่ 300-350 แก้วต่อคนต่อปี

เราสามารถดื่มกาแฟทั่วหัวระแหงได้ ตั้งแต่แบบประหยัดแก้วละไม่ถึง 20 บาท ไปจนถึงระดับไฮเอนด์ ราคาแก้วละหลักพันปลายๆ  เช่นเดียวกับร้านกาแฟที่มีอยู่หลายระดับมากมายเอาใจทั้งสายชิลด์ สายเม้าท์ทั้งหลายให้ได้ไปเช็คอินกัน 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประโยชน์ หรือโทษของกาแฟนั้น มีรายงานวิจัย และข้อถกเถียงมากมาย โดยในด้านประโยชน์นั้น หลากหลายงานวิจัยพบว่า ประโยชน์ของกาแฟมีมากมาย ตั้งแต่ลดความเครียด ลดความอ้วนไปจนถึงป้องกันโรค

ดื่มกาแฟแล้วดีอย่างไร มาเอาใจ คอกาแฟด้วยข้อดี 5 ข้อนี้กัน

ข้อที่ 1 กาแฟช่วยเพิ่มความตื่นตัว

ง่วงๆ เหนื่อย ” ได้จิบกาแฟสักหน่อย ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที 

หลายคนคงรู้สึกอย่างนี้ พราะ “คาเฟอีน” ในกาแฟ มีคุณสมบัติไม่ต่างจากสารกระตุ้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ตื่นตัวขึ้นเมื่อร่างกายที่อ่อนล้า หรืออ่อนเพลียได้ นอกจากนั้น ช่วยเพิ่ม “ความอึด” ในการทำกิจรรมต่างๆในเวลาสั้นๆ อีกด้วยโดยผลจากการวิจัยพบว่า  คาเฟอืยในกาแฟ 1 ถ้วย จะช่วยเพิ่มความกระปรี่กระเปร่าได้ในช่วง 1 ชั่วโมงหลังการดื่มกาแฟ

ทั้งนี้  กาแฟสำเร็จรูปโดยทั่วไป 1 แก้ว ประกอบด้วยคาเฟอีน 85-100 มิลลิกรัม ขณะที่กาแฟชงสดจะมีคาเฟอีนเพิิ่มขึ้นเป็น 100-150 มิลลิกรัมต่อแก้ว ส่วนกาแฟที่ผ่านการลดคาเฟอีน จะมีคาเฟอีนเหลือประมาณ 8 มิลลิกรัมต่อแก้ว โดยกาแฟที่ผ่านกระบวนการคั่วจนเข้มจะมีคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟสีอ่อน

ข้อที่ 2 กาแฟลดความเครียด

ส่วนหนึ่งของคนที่ชอบดื่มกาแฟ นอกเหนือจากความขมเข้ม หรือนุ่มละมุนของกาแฟแล้ว  กลิ่นหอมๆ ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ใครหลายๆ นิยมชมชอบการดื่มกาแฟ มหาวิทยาลัยโซลแห่งชาติเกาหลีใต้ ระบุว่า กลิ่นของกาแฟจะไปทำปฏิกิริยากับโปรตีนในสมองตัวที่เกี่ยวข้องกับความเครียด ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะ ความเครียดที่เกิดจากการนอนไม่หลับ

ขณะเดียวกัน ยังผลการวิจัยเพิ่มเติมจากฝั่งอเมริกาอีกด้วยว่า คนที่ดื่มกาแฟประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน จะลดความเครียดได้ประมาณ 15% เทียบกับคนที่ไม่ดื่ม และที่ีดีกว่านั้น ผลวิจัยจากโรงเรียนด้านสุขอนามัยของฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟวันละ 2-4 แก้ว ช่วยลดความเสี่ยงการฆ่าตัวตายได้ถึง 50% 

เนื่องจากสารเซโรโทนิน โดพามีน และนอราดรีนาลีนในกาแฟ จะสามารถช่วยลดความเก็บกด และหดหู่ลง

ข้อที่ 3 กาแฟช่วยกระตุ้นความจำ

ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ในสหรัฐ พบว่า หากดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวัน จะช่วยพัฒนาความจำ และปฏิกิริยาตอบโต้ของผู้ดื่มให้ดีขึ้นได้  ขณะที่อีกหนึ่งการวิจัย เน้นศึกษาความทรงจำในผู้สูงอายุ ซึ่งพบว่า ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไปหากดื่มกาแฟมากกว่า 3 แก้วต่อวัน จะมีความจำที่ดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือดื่มกาแฟน้อยกว่านี้

นอกจากนั้น ยังมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเซาท์ฟลอริดา ที่สอดคล้องกันว่า คนอายุล่วงเข้าวัยกลางคน ควรดื่มกาแฟประมาณ 3-5 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมน G-CSF สารที่ช่วยลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ได้

ข้อที่ 4 กาแฟกระตุ้นระบบเผาผลาญ

นอกเหนือจากช่วยให้เกิดความตื่นตัวแล้ว “คาเฟอีน” ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม และหากดื่มอย่างถูกวิธีอาจจะทำให้น้ำหนักลดลงได้อีกด้วย โดยเฉพาะคาเฟอีนที่อยู่ในเมล็ดกาแฟสดคั่วบด ซึ่งมีงานวิจัย พบว่าหากได้รับให้ปริมาณที่เหมาะสมจะมีผลกับการลดน้ำหนักในผู้หญิงได้จริง โดยลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ถึง 7.7 กิโลกรัมภายใน 22 สัปดาห์  

อย่างไรก็ตาม ต้องทำความเข้าใจว่า การที่จะมีผลต่อการลดน้ำหนักได้ ต้องเป็นดิื่มกาแฟ ที่ไม่ได้ใส่น้ำตาล นมสดนมข้นหวาน เพราะหากดื่มกาแฟเย็นใส่นมข้น น้ำตาล หอมมันหวานทุกวัน น้ำหนักของคุณอาจจะกลับด้านแทนที่จะลดเป็นเพิ่มขึ้น

ข้อที่ 5  ลดโอกาส “โรคร้ายมาเยือน

ผลการวิจัยด้านสุขภาพหลายๆ แห่งทั่วโลก ให้เครดิตการดื่มกาแฟว่าช่วยลดโรคร้ายได้ เริ่มจากผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2002 ที่เปิดเผยว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีลดลง25%  ขณะที่ได้ผลในผู้ชายเช่นกันแต่ในเปอร์เซนต์ที่น้อยกว่า

ขณะที่รายงานจากสถาบันการแพทย์อเมริกัน พบว่า คาเฟอีนในกาแฟมีส่วนลดความเสี่ยงเป็นโรคพาร์กินสัน โดยผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคพาร์กินสันได้ถึง 25%

การดื่มกาแฟ อาจยังให้ผลดีต่อผู้ป่วยโรคตับ โดยมีงานวิจัยที่ระบุว่า การดื่มกาแฟอาจมีความสัมพันธ์กับระดับเอนไซม์ตับและผลตรวจการทำงานของตับที่ดียิ่งขึ้นในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคตับ รวมทั้งยังยลดความเสี่ยงการเกิดโรคตับแข็งได้อีกด้วย

ขณะเดียวกัน คาเฟอีนยังช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรน  โดยคาเฟอีน มักถูกใช้เป็นส่วนผสมในยาบรรเทาอาการปวดบางชนิด โดยช่วยให้ยามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 40 % อย่างไรก็ตาม การดิ่มกาแฟดยตรงนั้น ทำให้หายปวดศีรษะได้จริงหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบชัดเจน  

เช่นเดียวกับกรณีของกาแฟกับมะเร็ง ซึ่งมีผลการศึกษาทั้งสองด้าน ทั้งการดื่มกาแฟวันละ 2-5 แก้วต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับได้ในระดับหนึ่ง โดยพบว่าประสิทธิภาพของคาเฟอีน จะช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์ผิดปกติได้ ขณะที่บางงานวิจัยไม่พบว่า การดื่มกาแฟเกี่ยวข้องกับมะเร็ง