“มูดี้ส์” ชี้เอเชียฉีดวัคซีนช้า-ไร้ประสิทธิภาพคุมโควิด

  • เปิดรายชื่อพบมีทั้งไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
  • เตือนรัฐเร่งฉีดหวังให้พร้อมรับมือ “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ย
  • แนะสหรัฐฯเพิ่มเงินเยียวยาไม่เช่นนั้นตกงาน 4 ล้านคน

“มูดี้ส์” ชี้หลายประเทศในเอเชีย รวมไทยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ล่าช้า ทำคุมการระบาดไร้ประสิทธิภาพ เตือนเร่งควบคุมให้ได้ เพื่อให้พร้อมรับมือ “เฟด” ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วๆ นี้ พร้อมแนะรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เพิ่มเงินเยียวยาอีกหลายแสนล้านเหรียญฯ ไม่เช่นนั้น ประชาชนตกงานอีกราว 4 ล้านตำแหน่ง 
นายสตีฟ โคเครน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของบริษัท มูดี้ส์ อนาไลติกส์ กล่าวว่า หลายประเทศ เช่น จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 กันแล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเทศ รวมถึงไทย  อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีโครงการฉีดวัคซีนที่แข็งแกร่งเพียงพอ ดังนั้น ประเทศในเอเชีย จำเป็นต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ เพื่อเตรียมเศรษฐกิจให้มีความพร้อมรับมือกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย  

“ประเทศต่างๆ ในเอเชียต้องควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้ เพราะเมื่อเฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประเทศเอเชียจะได้อยู่ในสถานะที่มีความพร้อม และสามารถจัดการกับภาวะเศรษฐกิจ ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านได้”  

นายโคเครน คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในทุกๆ ไตรมาสของปี 66 ซึ่งมากกว่าที่รายงาน dot-plot ของเฟด (ประมาณการการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่สำรวจความเห็นจากคณะกรรมการบริหาร และผู้แทนของเฟด) ระบุว่า กรรมการเฟด 13 คนจาก 18 คนคาดว่า เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 66  

ทั้งนี้ ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 66 ซึ่งเร็วกว่าเดิม ที่ส่งสัญญาณเมื่อเดือนมี.ค.64 ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 67 นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 66 

นอกจากนี้ มูดี้ส์ อนาไลติกส์ ยังเปิดเผยอีกว่า รัฐบาลกลางของสหรัฐฯจำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเพิ่มเติมหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเลิกจ้างงานอีกราว 4 ล้านตำแหน่ง หากเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากโควิด-19  
ทั้งนี้ สมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาคองเกรส สหรัฐฯ เตรียมโหวตร่างกฎหมายงบประมาณเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ในเดือนหน้า ซึ่งเป็นกฎหมายเยียวยาฉบับที่ 5 และอาจเป็นฉบับสุดท้าย โดยมูดี้ส์ มองว่า เม็ดเงินที่จะนำมาใช้เยียวยารอบใหม่นี้ น้อยว่ากฎหมายเยียวยาฉบับก่อน ที่มีมูลค่าเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญฯ และหากรัฐบาลกลาง ไม่เพิ่มงบประมาณเยียวยาให้อีก อาจมีคนตกงานอีกราว 4 ล้านตำแหน่งได้