

- ชี้การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ถ้าสามารถเจรจาตกลงกันได้ก็จบ ไม่จำเป็นต้องต้องรอคำตัดสิน
- เผยหลังคุยกับบริษัทคิงส์เกตฯ ถึงการดำเนินการที่ผ่านมา บริษัทเข้าใจนโยบายสิ่งแวดล้อม และตอนนี้กลับเข้ามาประกอบการแล้ว
- ด้าน “สมศักดิ์” ลั่นชาวบ้านในพื้นที่ดีใจมาก มีงานทำ มีรายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ส.ค.65) ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ได้รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างมคืหนราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกตคอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ว่า ทั้งสองฝ่ายได้ขอเลื่อนการออกคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.65 ซึ่งอนุญาโตตุลาการรับทราบแล้ว
นอกจากนี้ ยังชี้แจงอนุญาโตตุลาการแจ้งว่า คู่กรณีสามารถเจรจากันได้ และฝ่ายไทยได้ชี้แจงกับบริษัท คิงส์เกตฯ ว่าก่อนหน้าที่บริษัทไม่สามารถขนแร่ออกมาได้ เพราะกฎหมายเก่าไม่อนุญาต แต่ขณะนี้กฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้วทางบริษัทคิงส์เกตฯ จึงสามารถเข้าไปนำแร่ค้างเก่าที่ขุดไว้ก่อนหน้านี้ออกมาได้แล้วนอกจากนี้ ได้อนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำจำนวน 44 แปลงภายหลังจากบริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย
อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ยังอธิบายอีกว่า สำหรับการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ถ้าเราสามารถเจรจาตกลงกันได้กับคู่กรณีได้ก็จบ ไม่จำเป็นต้องต้องรอคำตัดสิน และเราได้อธิบายให้อนุญาโตตุลาการว่าเราได้คุยกับบริษัทคิงส์เกตฯ ถึงการดำเนินการที่ผ่านมา ซึ่งเขาเข้าใจนโยบายสิ่งแวดล้อม และตอนนี้กลับเข้ามาประกอบการแล้ว
ขณะที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวเสริมว่า ดีใจถ้าเหมืองดังกล่าวจะกลับมาเปิดอีกครั้งที่ จ.พิจิตร เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพ โดยตนได้มีโอกาสเดินทางลงพื้นที่ จ.พิจิตร มาประชาชนดีใจมาก รอเข้าไปทำงาน เนื่องด้วยเพราะพื้นที่ตรงนั้นแห้งแล้ง ทำงานไม่ได้ ถ้าเหมืองกลับมา พวกเขาจะมีความสุขมากขึ้น จะเป็นรายได้หลักของพวกเขา