‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’สินทรัพย์หายวูบ 9 แสนล้านภายในวันเดียว

เมื่อวันที่ 4 ก.พ.65 เมนโลพาร์ค (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) รายงานว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ และผู้ก่อตั้งเมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ยอดนิยม มีสินทรัพย์สุทธิลดลง 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (956,000 ล้านบาท) เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น เนื่องจากหุ้นเมตาร่วงต่ำลงอย่างมากภายในวันเดียว

นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐรายงานว่า หุ้นของเมตาร่วงลงร้อยละ 26 และทำให้บริษัทมีมูลค่าตามราคาตลาดลดลงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐฯ อีกทั้งยังทำให้ซักเคอร์เบิร์กมีสินทรัพย์สุทธิเหลือเพียง 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2.8 ล้านล้านบาท) โดยที่เขาเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 12.8 ของเมตา สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ซักเคอร์เบิร์กตกไปอยู่อันดับ 12 ในตารางจัดอันดับบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลกของฟอร์บส์

สินทรัพย์สุทธิที่ลดลงในวันเดียวของซักเคอร์เบิร์กนับเป็นการทำสถิติครั้งใหญ่หลังอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอของเทสลา บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ และมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก มีสินทรัพย์สุทธิลดลงถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1.1 ล้านล้านบาท) ในวันเดียวเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ส่วนเจฟฟ์ เบโซส ประธานและผู้ก่อตั้งแอมะซอนดอตคอม (Amazon.com) บริษัทอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก มีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 177,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (5.8 ล้านล้านบาท) ในปี 2564 ซึ่งพุ่งขึ้นถึงร้อยละ 57 เมื่อเทียบกับปี 2563 ฟอร์บส์คาดว่าเป็นผลมาจากธุรกิจของแอมะซอนที่ได้รับความนิยมในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกนิยมสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยที่เบโซสเป็นผู้ถือหุ้นแอมะซอนเกือบร้อยละ 10

ก่อนหน้านี้ เมตาระบุว่า มียอดผู้ใช้งานเฟซบุ๊กรายวันทั่วโลกในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาของปีก่อน 1,929 ล้านคน ลดลงจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2563 ที่มี 1,930 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขผู้ใช้งานที่ลดลงเป็นครั้งแรก ยอดผู้ใช้งานที่ลดลงเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิลที่ทำให้แบรนด์สินค้าต่างๆ เข้าถึงและเจาะกลุ่มผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมผ่านการยิงโฆษณาได้ยากขึ้น รวมถึงปัญหาด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค เช่น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

นอกจากนี เฟซบุ๊กกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากแพลตฟอร์มคู่แข่งรายอื่นๆ เช่น ติ๊กต๊อกและยูทูบ ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ลดลงในช่วงไตรมาสนี้