![ธนวรรธน์](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:696/h:464/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2021/02/95084DD2-2D70-4D8D-AD81-5EB5D99F5080.jpeg)
- หลังรัฐทุ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท
- มีผลช่วยรักษาการจ้างงาน 6-9 แสนคน-ลดหนี้สาธารณะ
- เชื่อทั้งปีจีดีพีไทยขยายตัวได้แน่ 2.8-3.4% ถ้าโควิดไม่แรงขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯได้ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งโครงการคนละครึ่ง เราชนะ และเรารักกัน โดยเบื้องต้น ได้ประเมินว่า เม็ดเงินจากโครงการเราชนะ ที่ 210,000 ล้านบาท คาดว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น 1.2% โครงการคนละครึ่ง 53,000 ล้านบาท คาดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.3% และโครงการ เรารักกัน 40,000 ล้านบาทคาดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 0.2% หรือทั้ง 3 มาตรการ รวมเม็ดเงิน 300,000 ล้านบาท มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้1.7% ขณะเดียวกัน ยังมีความหวังในเรื่องการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะส่งผลให้เริ่มมีนักท่องเที่ยว เข้ามาไทยในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ได้อีกราว 4-6 ล้านคน
นอกจากนี้ จากมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวของภาครัฐ จะส่งผลให้ไม่มีการปลดคนงาน โดยสามารถรักษาการจ้างงานในระบบไว้ได้ 650,000-950,000 คน ช่วยให้มีแรงงานกลับเข้ามาในกลุ่มธุรกิจค้าขาย ขนส่ง และกลุ่มอาหารอัตราการว่างงานไม่ทะลุเกิน 2% และมีโอกาสกลับลงมาอยู่ที่ระดับ 1-1.5% ได้ อีกทั้งยังช่วยในการลดหนี้สาธารณะลงได้ คาดว่าปีนี้หนี้สาธารณะจะไม่ขึ้นไปแตะระดับ 90% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และอาจจะอยู่ที่ระดับ84-85% ต่อจีดีพี
“คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ มีโอกาสโตได้ 2.8% แต่หากมีการกระตุ้นจากโครงการต่างๆ อย่างเต็มรูปแบบ ก็อาจจะช่วยดันให้เติบโตได้ถึง 3.4% แต่ต้องขึ้นกับปัจจัยการเมือง ค่าเงินบาท และการกระจายวัคซีนด้วย ดังนั้น ตอนนี้เราจึงยังไม่ปรับประมาณการเศรษฐกิจ ขอรอดูสถานการณ์อีกที อาจจะมีการทบทวนอีกครั้งในเดือนมี.ค.” นายธนวรรธน์ กล่าว