”ภูมิธรรม” สั่งเกาะติดสินค้าเกษตรสำคัญ

.ต้องสมดุลทั้งบริโภคในประเทศและส่งออก
.หวั่นภัยแล้งทำผลผลิตลดไม่เพียงพอบริโภค
.พร้อมเตรียมนำร้านธงฟ้าเข้าร่วมดิจิทัล วอลเล็ต

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกรมการค้าภายใน ว่า มอบนโยบายให้ติดตามสถานการณ์ข้าวอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นห่วงผลกระทบจากเอลนีโญ ที่อาจทำให้ผลผลิตลดลง และอินเดียยังห้ามส่งออกข้าวขาว โดยให้ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับกรมการค้าต่างประเทศ เพื่อติดตามการผลิต การส่งออก และการบริโภคในประเทศที่จะต้องมีความสมดุลทุกภาคส่วน


“ไทยเป็นผู้ผลิตข้าวรายสำคัญของโลก ต้องไปบริหารจัดการให้ดี ทั้งเรื่องข้าวบริโภคในประเทศ และส่งออก ที่ต้องบริหารให้สมดุล อย่าให้พูดได้ว่าไทยเป็นผู้ผลิตข้าว แล้วมีปัญหาขาดแคลนเอง แต่เท่าที่ดู ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณผิดปกติอะไร แค่เป็นห่วงไว้เฉยๆ ก็ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานไป การส่งออกก็ยังให้เป็นปกติ ยังไม่จำเป็นต้องมีมาตรการอะไรออกมา”


นอกจากนี้ ยังขอให้เตรียมแผนและมาตรการรับมือสินค้าเกษตรอื่นๆ ด้วย ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, มันสำปะหลัง, ปาล์มน้ำมัน, ผลไม้ ขอให้วางแผนบริหารจัดการล่วงหน้า ทำงานเชิงรุก อย่าให้มีปัญหาแล้วค่อยแก้ไข


ขณะเดียวกัน ให้มอนิเตอร์สินค้าที่มีการประกาศลดราคาไปก่อนหน้านี้ว่า มีการปรับลดราคาลงจริงหรือไม่ ประชาชนรู้สึกว่าลดจริงหรือไม่ ไม่ใช่แค่ประกาศลด แต่ไม่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามันช่วยลดค่าครองชีพได้จริง


พร้อมกับให้เตรียมความพร้อมในการนำร้านธงฟ้า ตลาดต้องชม ฟาร์มเอ้าต์เล็ต หมู่บ้านทำมาค้าขาย ที่อยู่ในการส่งเสริมของกรมการค้าภายใน เข้าร่วมโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการซื้อสินค้า เพราะรัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้แน่นอน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ


“ดิจิทัล วอลเล็ต ไม่ใช่มีเป้าหมายเพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ผ่านการใช้จ่ายของผู้มีกำลังซื้อ ซึ่งจะช่วยให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องเดินหน้าแน่นอน แต่อาจจะปรับเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา”


ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผลผลิตข้าวปีนี้ ประเมินแล้วไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ และน่าจะดีกว่าปีก่อนด้วยซ้ำ เพราะฝนตกต่อเนื่อง ส่วนปีหน้า กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประเมินว่า ผลผลิตทั้งโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 518 ล้านตันในปีนี้ เป็น 523 ล้านตัน โดยผลผลิตของอินเดีย จีน ไทย และเวียดนามใกล้เคียงปีนี้ ส่วนปากีสถาน เพิ่มขึ้น ซึ่งผลผลิตของไทยน่าจะมีประมาณ 20 ล้านตันข้าวสาร ทำให้ปัญหาข้าวขาดแคลน ไม่น่าจะเกิดขึ้น จึงไม่ต้องกังวล ยกเว้นปีหน้าเกิดแล้งจริงๆ ซึ่งมีการประเมินไว้ว่าเอลนีโญ จะอยู่ 2 ปี แต่ปีนี้ ก็เกิดไม่แรง บางคนยังมองว่าปีหน้าจะอ่อนลง


“สิ่งที่ต้องทำ คือ เร่งระบายผลผลิตข้าวต้นฤดูกาลผลิตออกไปให้มากที่สุด เพื่อดึงราคาข้าวในประเทศ และยังประเมินกันว่า ปีหน้าอินเดียอาจจะยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกข้าวขาวก็ได้ ทำให้ตลาดกลับมาแข่งขันรุนแรงขึ้น คาดว่าปีหน้า จะส่งออกได้ประมาณ 7.5 ล้านตัน ลดจากปีนี้ที่คาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 8.2-8.3 ล้านตัน”