

- ระบุเอกชนรับรู้สัญญาณล่วงหน้าตั้งแต่ถูกตัดรอบแรกแล้ว
- แนะเตรียมพร้อมหาตลาดใหม่ เร่งลดต้นทุนรับมือก่อนบังคับใช้ 30 ธ.ค.
- ขณะที่หอฯมองค่าเงินบาทแข็งกระทบมากกว่า
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) สินค้าไทย 817 ล้านเหรียญ ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ ว่า คาดว่าจะเกิดผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยแน่นอน แต่คงไม่รุนแรงนักและน่าจะเป็นเพียงระยะสั้น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมีผลกระทบราว 600-700 ล้านบาท โดยกลุ่มที่จะที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่จะเป็น ชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด

“ คงจะต้องติดตามใกล้ชิดเพราะมาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. 63 นี้ระหว่างนี้เอกชนทุกส่วนเองจะต้องเตรียมแผนรองรับซึ่งหลายส่วนเองก็เคยประเมินไว้ก่อนแล้วเนื่องจากได้มีการส่งสัญญาณตั้งแต่การตัดสิทธิ์ GSP ไปครั้งแรกก่อนหน้านี้และครั้งนี้เป็นการตัดครั้งที่ 2 โดยทั้งรัฐและเอกชนจำเป็นจะต้องร่วมมือกันในการหาตลาดใหม่ๆ รองรับสินค้า รวมไปถึงการลดต้นทุนเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งการตัด GSP ก็ยังส่งออกได้แต่ต้องเสียภาษีที่สูงขึ้นเท่านั้น“ นายสุพันธุ์ กล่าว
นายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การตัดสิทธิ GSP ครั้งนี้คาดว่าจะกระทบต่อการส่งออกไม่มากหากเทียบกับผลกระทบจากค่าบาทแข็งค่าซึ่งจะเป็นการบั่นทอนขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยมากกว่า ทั้งนี้ไทยส่งอกไปสหรัฐฯปีละ 30,000 ล้านเหรียญฯส่งผลให้เกินดุลการค้าเป็นเหตุให้สหรัฐจำเป็นต้องตัด GSP ไทย
“ เวียดนามเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะเกินดุลการค้าสหรัฐฯ จึงถูกขึ้นวอทลิสต์ไปก่อนไทย เพราะเรื่องการใช้มาตรการดูแลค่าเงินด่องจนส่งผลให้เกินดุลการค้า เทียบแล้วได้รับผลกระทบพอๆกัน” นายสนั่น กล่าว