พิษเศรษฐกิจโลกชะลทำส่งออกธ.ค.ดิ่งหนัก 14.6%



  • ส่วนยอดนำเข้าแซงหน้าขาดดุลการค้า 4.6 หมื่นล้านบาท
  • “จุรินทร์” พอใจปี 65 ส่งออกบวก 5.5% เฉียด 10 ล้านล้านบาท
  • ปี 66 ยอมรับสภาพเศรษฐกิจโลกทรุดตั้งเป้าหมายโตแค่ 1-2%

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนธ.ค.65 ไทยมีมูลค่าการส่งออก21,718.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 14.6% เทียบเดือนธ.ค.64 ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากเดือนต.ค.65 ที่ติดลบ 4.4% เทียบเดือนต.ค.64 และเดือนพ.ย.65 ติดลบ 8.5% เทียบเดือนพ.ย.64 โดยมูลค่าส่งออกเดือนธ.ค.65 เมื่อคิดเป็นเงินบาทอยู่ 776,324 ล้านบาท ติดลบ 6.1% ส่วนการนำเข้า 22,752.7 ล้านเหรียญฯ ติดลบ 12% คิดเป็นเงินบาท 823,082 ล้านบาท ติดลบ 3.3% ขาดดุลการค้า 1,033.9 ล้านเหรียญฯ หรือ 46,758 ล้านบาท 

ขณะที่ปี 65 มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 287,067.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 5.5% เทียบปี 64 มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 4% คิดเป็นเงินบาท 9.944 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% ส่วนนำเข้า 303,190.7 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 13.6% คิดเป็นเงินบาท 10.646 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9% ขาดดุลการค้า 16,122.8 ล้านเหรียญฯ หรือ 702,636 ล้านบาท

“การส่งออกเดือนธ.ค.ที่ลดลง เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวชัดเจน แต่ภาพรวมทั้งปี 65 ยังเป็นบวกได้ถึง 5.5% สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 9.944 ล้านล้านบาท สินค้าที่นำรายได้เข้าประเทศสูงๆ เช่น น้ำตาลทราย เครื่องโทรสาร-โทรศัพท์ ไขมันและน้ำมัน หม้อแปลงไฟฟ้า ไก่แปรรูป ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ถือว่าน่าพอใจเพราะประเทศอื่น ติดลบมากกว่าไทย”  

ส่วนตลาดส่งออกที่ขยายตัว เช่น อิรัก ไอร์แลนด์ บรูไน อิหร่าน โมซัมบิก ซาอุดิอาระเบีย สหราชอาณาจักร ฯลฯ ขณะที่ตลาดส่งออกหลักส่วนใหญ่ติดลบ  เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อาเซียน (9ประเทศ) สหภาพยุโรป เอเชียตี ฮ่องกงเกาหลีใต้ แอฟริกา ลาตินอเมริกา ส่วนรัสเซีย ติดลบหนักสุดถึง 51.1% และทั้งปี 65 ติดลบ 43.3% เหลือมูลค่าส่งออกเพียง 585 ล้านเหรียญฯ จากปี 64 ที่ทำได้ 1,032 ล้านเหรียญฯ 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อถึงเป้าหมายการส่งออกปี 66 ว่า คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กระทรวงพาณิชย์) หรือกรอ.พาณิชย์ เห็นตรงกันที่จะตั้งเป้าการขยายตัวที่ 1-2% เทียบปี 65 มูลค่า 289,938-292,809 ล้านเหรียญฯ หรือ10-10.1 ล้านล้านบาท เพราะยังมีหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว, ไตรมาสแรกปีนี้ คาดว่าหลายประเทศยังมีสต๊อกสินค้าอยู่มาก จึงชะลอการนำเข้า, ราคาน้ำมันสูง ทำให้ต้นทุนการผลิตของไทยเพิ่ม สูญเสียศักยภาพการแข่งขัน, ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้สินค้าไทยแพงกว่าคู่แข่ง, ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ที่สร้างอุปสรรคด้านการค้าและความเสี่ยงต่อปัญหาห่วงโซ่การผลิต

แต่ยังมีปัจจัยบวก คือ การขนส่งสินค้าระหว่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตู้คอนเทนเนอร์มีเพียงพอ, ความต้องการอาหารเพื่อความมั่นคงยังมีอยู่ ส่งผลดีต่อการส่งออกอาหารไทย, จีนเปิดประเทศ, ตลาดศักยภาพ 4 แห่ง ที่ไทยตั้งเป้าหมายบุกเป็นพิเศษในปี 66 คาดเศรษฐกิจขยายตัว และน่าจะทำให้การส่งออกไทยขยายตัว ทั้งตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ซีแอลเอ็มวี และจีน

“การส่งออกไทยปี 66 น่าจะยังเป็นบวกได้ แต่บวกได้น้อยกว่าปี 65 โดยอัตราการขยายตัวในแต่ละเดือนจะได้เห็นทั้งเป็นลบ และบวก เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปี 65 ไม่น่าจะติดลบทุกเดือนทั้งปี”