“พาณิชย์” แย้มข่าวดีผลิตหน้ากากได้เพิ่ม เผยสัปดาห์หน้าอาจได้เห็น 2.2 ล้านชิ้นต่อวัน

  • เร่งเจรจาต่อรองกับโรงงาน
  • ย้ำจัดสรรและให้โรงงานผลิตทุกอย่างโปร่งใส
  • ด้านปลัดพาณิชย์ขู่หากยังพบผู้ค้าโก่งราคาจัดการแน่
  • เล็งคุมราคาเจลล้างมือต่อไป

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ทุกขั้นตอนจัดสรรหน้ากากอนามัยมีความรัดกุม มีเจ้าหน้าที่ประจำที่โรงงานทั้ง 11 แห่ง คุมเข้มปริมาณการจัดสรรตั้งแต่โรงงานจนถึงปลายทางจะต้องมีตัวเลขหน้ากากอนามัยตรงกัน โดยรายงานผ่านออนไลน์ เพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้หน้ากากอนามัยหลุดไปช่องทางอื่น หรือแม้แต่การให้โรงงานผลิตหน้ากากอนามัยดำเนินการผลิตไม่มีนอกมีในทุกอย่างโปร่งใสผ่านคณะกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงานควบคุมและช่วยกันดูแลทั้งสิ้นสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปได้

ทั้งนี้ กรมฯ ขอให้โรงงานปรับเครื่องจักรและเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (สีเขียว) ที่คนส่วนใหญ่ใช้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีมีจำนวนหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นทุกวัน วันนี้ (13 มี.ค.)  1.71 ล้านชิ้นต่อวัน และจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข 900,000 ชิ้นต่อวัน จากที่ขอมา 1 ล้านชิ้นต่อวัน และคาดว่าจะได้ 1 ล้านชิ้นต่อวันในระยะเวลาอันใกล้นี้ ส่วนที่เหลืออีก 8.1 ชิ้นนั้น จะกระจายให้กลุ่มเสี่ยง เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.ที่ขอเข้ามา 60,000 ชิ้น และการบินไทย รวมทั้งกระจายไปสู่ผู้บริโภค ทั้งร้านค้าธงฟ้า และร้านค้าปลีกต่าง ๆ วันนี้มีเพิ่มที่ร้านกาแฟอเมซอนช่วยกระจาย โดยมีเงื่อนไขเดียวกันคือ ขายราคาชิ้นละ 2.50 บาท คนละ 1 แพ็ค 4 ชิ้น ราคา 10 บาท 

ขณะที่กรณีข่าวพนักงานร้านสะดวกซื้อเก็บไว้เองก่อนนั้น ได้มีการกำหนดเงื่อนไขกับผู้ประกอบการทุกห้างห้ามพนักงานซื้อหน้ากากอนามัย ห้ามขายเวลากลางคืน เพื่อป้องกันกรณีมีการส่งของช่วงเวลากลางคืนแล้วพนักงานซื้อเก็บไว้เอง รวมถึงผู้ซื้อทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อป้องกันการวนซื้อ หากไม่ปฎิบัติตามจะถอนร้านค้า ไม่จัดสรรให้หน้ากากอนามัยให้อีก

อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกับโรงงานหน้ากากอนามัย 11 แห่ง กำหนดเป้าหมายการผลิตหน้ากากอนามัยร่วมกันให้ถึง  2.2 ล้านต่อวัน ซึ่งแต่ละโรงงานจะมีเป้าหมายการผลิตชัดเจนที่กำลังทยอยปรับไลน์การเพิ่มและกำลังผลิตให้ได้ตามที่กำหนด คาดว่าปลายสัปดาห์หน้าน่าจะทราบผลที่ชัดเจนขึ้น และในส่วนของวัตถุดิบเริ่มมีข่าวดี เพราะจีนเริ่มเปิดโรงงานและส่งออกวัตถุดิบผลิตหน้ากากอนามัยแล้ว รวมทั้งยุโรปยังเปิดช่องให้ส่งออกวัตถุดิบ จึงมั่นใจจะมีวัตถุดิบมาผลิตหน้ากากอนามัยได้ต่อเนื่อง 

“ขอย้ำให้สังคมเข้าใจท่ามกลางภาวะการขาดแคลนหน้ากากอนามัยและราคาที่พุ่งสูงขึ้น จนมีกระแสข่าวทางโซเชียลมากมาย เพราะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามทำงานให้เกิดความโปร่งใส และรัดกุมที่สุด ซึ่งเป็นการรักษาความน่าเชื่อถือให้กับสังคมลดความเดือดร้อนของประชาชนให้ผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้” นายวิชัย กล่าว

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สถิติการจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดถึงวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมามีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 135 ราย  เป็นการจับกุมในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล  88 ราย และต่างจังหวัด 47 ราย และที่สำคัญสามารถจับกุมผู้ค้าในแหล่งค้าส่งสำคัญ ที่สำเพ็ง 4 ราย รวมหน้ากากอนามัย 12,700 ชิ้น ในส่วนของกลางทั้งหมดทุกคดี ตำรวจจะเป็นผู้เก็บรอจนคดีสิ้นสุด ซึ่งนอกจากการจับกุมคนขายหน้ากากอนามัยแพงแล้ว ยังจับกุมผู้กระทำผิดขายเจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์ในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาและข้อหาขายแพงเกินสมควร 

ทั้งนี้หากยังพบการฉวยโอกาสจากผู้ค้าเป็นวงกว้างอาจจะพิจารณาใช้มาตรการควบคุมราคา เพราะมีอำนาจทำได้ตามสินค้าที่อยู่บัญชีควบคุม พร้อมย้ำกับประชาชนว่าสินค้าเจลล้างมือ รวมถึงแอลกอฮอล์ไม่มีทางขาดแคลนแน่นอน เพราะเอทิลแอลกอฮอล์ที่ใช้ในการผลิตมาจากมันสำปะหลัง และอ้อย ซึ่งไทยเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 ของโลก

เช่นเดียวกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีข่าวการกักตุนจนหายออกไปจากชั้นวางในห้างต่าง ๆ นั้น ยืนยันว่า ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าอุปและบริโภคสำคัญของโลก โดยเฉพาะเป็นผู้ผลิตอาหาร ทั้งอาหารสำเร็จรูป และผู้ปลูกข้าวรายรายใหญ่ จึงไม่ต้องกลัวอาหารขาดแคลน รวมถึงสินค้าอุปโภค อาทิ กระดาษชำระ ก็ได้รับแจ้งจากผู้ผลิต ว่า สินค้าเป็นแพ็คใหญ่ หากหยิบไปยังชั้นวางไม่กี่ชิ้น และเติมสินค้าไม่ทัน ก็ทำให้ชั้นวางว่างได้ และวัตถุดิบการผลิตยังมีเพียงพอ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องกักตุนสินค้าเป็นต้น