

- หลังราคาน้ำมัน-อาหารสดดิ่งหนัก
- โควิด-19 ฉุดกำลังซื้อวูบ-คนระวังใช้จ่าย
- ปรับคาดการณ์ปี 63 ใหม่ เป็นลบ 1.1%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนมิ.ย.63 ว่า ลดลง 1.57% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.62 ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แต่ถือว่าปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพ.ค.63 ที่ติดลบ 3.44% โดยสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อลดลงในอัตราที่ชะลอลง มาจากมาตรการรัฐที่ช่วยเหลือด้านค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปาสิ้นสุดลง และราคาสินค้าส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่เงินเฟ้อยังได้รับแรงฉุดจากราคาน้ำมันที่ และราคาอาหารสดที่ปรับตัวลดลง จึงทำให้เงินเฟ้อยังคงติดลบ ส่วนเงินเฟ้อเมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.62 สูงขึ้น 1.56% และเงินเฟ้อเฉลี่ย 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 63 ลดลง 1.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เงินเฟ้อที่ติดลบ 1.57% ทางเทคนิคเป็นเงินฝืด เพราะติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 แล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้ฝืด เพราะราคาสินค้ายังมีการเคลื่อนไหวเป็นปกติ หลายๆ รายการปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอาหารรับประทานในบ้าน–นอกบ้าน, ข้าวแป้ง และผลิตภัณฑ์, สินค้าอุปโภคบริโภคบางรายการ เช่น น้ำยาระงับกลิ่นกาย ยาสีฟัน ขณะที่เศรษฐกิจก็ไม่ได้ฝืดเคือง ข้าวของ มีกิน มีใช้ ส่วนที่เงินเฟ้อลดลง เพราะมีปัจจัยตัวอื่นมาฉุด ทั้งราคาน้ำมัน อาหารสด มาตรการของกระทรวงพาณิชย์ที่ร่วมมือกับผู้ผลิตลดราคาสินค้า ที่ยังคงอยู่ ทำให้เงินเฟ้อไม่ขึ้น”
ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน ที่หักสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานออกจากการคำนวณเดือนมิ.ย.63 ลดลง 0.05% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.62 ถือว่าติดลบครั้งแรกในรอบ 10 ปี 8 เดือน แต่ไม่น่ากังวล ถือว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ชะลอตัว และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวต่อถึงแนวโน้มเงินเฟ้อครึ่งปีหลังว่า คาดจะปรับตัวดีขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัวดี โดยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะยังมีปัจจัยกดดันจากโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อลดลง และประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่าย โดยเงินเฟ้อน่าจะอยู่ในแดนลบ ทำให้ต้องปรับคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 63 ใหม่ จากเดิมลบ 1.0% ถึงลบ 0.2% ,uค่ากลางลบ 0.6% เป็นติดลบ 1.5% ถึงลบ 0.7% ค่ากลางลบ 1.1%