- มีทั้งขายไข่–หน้ากากอนามัยเกินราคาควบคุม–ไม่ปิดป้าย
- ส่งตำรวจดำเนินคดีโทษหนักคุก7ปี ปรับ1.4แสนบาท
- ย้ำสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ขาดแคลนแน่นอน แต่วอนอย่าตุน
นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภค และเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า การจับกุมผู้กระทำผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ในส่วนของไข่ไก่เมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 จับกุมได้อีก 3 ราย ได้แก่ ที่จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา และนครปฐม ข้อหาขายราคาเกินสมควร ทำให้ยอดรวมการจับกุมตั้งแต่วันที่ 26-30 มี.ค.63 มีทั้งสิ้น 24 ราย
ส่วนหน้ากากอนามัย เมื่อวันที่ 30 มี.ค.63 ได้จับกุมผู้กระทำความผิดอีก10 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 1 ราย ข้อหาขายเกินราคาควบคุม และต่างจังหวัด 9 ราย ได้แก่ ภูเก็ต 3 ราย ไม่ปิดป้ายแสดงราคา 2 ราย และขายราคาเกินสมควร 1 ราย, เพชรบูรณ์ ปิดป้ายราคา 1 ราย และจำหน่ายเกินราคาควบคุมและขายราคาเกินสมควร 1 ราย, บึงกาฬ ขายเกินราคาควบคุม 1 ราย, ระยอง ขายราคาเกินสมควร 2 ราย และอำนาจเจริญ ขายเกินราคาควบคุม ไม่ปิดป้ายแสดงราคาและปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าควบคุม 1 ราย ทำให้มียอดรวมการจับกุมรวม 230 ราย เป็นกรุงเทพฯ 111 ราย และต่างจังหวัด 119 ราย
สำหรับโทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม(มาตรา 25) จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย(มาตรา 28) โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และข้อหาขายแพงเกินสมควร (มาตรา 29) จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กระทรวงพาณิชย์ขอให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดภาวะขาดแคลนอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างแน่นอน เพราะประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญ และอยากที่จะขอความร่วมมือประชาชนทุกคน อย่ากักตุน ขอให้ซื้อแต่พอเพียง ซึ่งจะช่วยให้สถานการณ์ในขณะนี้ดีขึ้น นอกจากนี้ จะตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชน โดยเฉพาะสินค้าที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ทั้งไข่ไก่ หน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ เป็นต้น”