

- เน้นข้าวขาวปีละไม่เกิน 1 ล้านตัน เป็นระยะเวลา 4 ปี
- พร้อมคุยทำเอ็มโอยูขายข้าวให้บังกลาเทศอีกล้านตัน
- ยันช่วยผลักดันส่งออกข้าวไทยไปทั้ง 2 ตลาดให้มากขึ้น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.64 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับ กระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยรัฐบาลอินโดนีเซียได้แจ้งความประสงค์ขอจัดทำเอ็มโอยูตั้งแต่ช่วงปลายปี 63 สำหรับการลงนามเอ็มโอยูดังกล่าว กำหนดในช่วงปลายเดือนมี.ค.นี้ผ่านทางระบบการประชุมทางไกล (วิดีโอ คอนเฟอเรนซ์)
โดยสาระสำคัญของเอ็มโอยูดังกล่าวระบุว่า อินโดนีเซียจะซื้อข้าวขาว 15% และ 25% ไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปีจากไทยภายในระยะเวลา 4 ปี ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตของทั้ง 2 ประเทศ และระดับราคาในตลาดโลก ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องเจรจาและทำสัญญากันต่อไป สำหรับการซื้อข้าวจากไทยก็เพื่อเก็บสำรองไว้เป็นความมั่นคงด้านอาหาร หากเกิดเหตุการณ์ผลผลิตข้าวอินโดนีเซีย ไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภค

ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียมีนโยบายพึ่งพาตนเองด้านอาหาร ส่งเสริมการปลูกข้าวภายในประเทศเพื่อให้เพียงพอและนำเข้าเท่าที่จำเป็น แต่ในบางปี ผลผลิตข้าวเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ประกอบกับ การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จึงมีความจำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ เพื่อบริโภค และเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวภายในประเทศ ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ รายงานว่า ในปี 63 ไทยส่งออกข้าวไป อินโดนีเซีย 89,406 ตันเพิ่มขึ้น 46.23% จากปี 62 คิดเป็น มูลค่า 2,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.78%
“การทำข้อเอ็มโอยูนี้ จะเป็นโอกาสให้รัฐบาลอินโดนีเซียนำเข้าข้าวจากไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปยังตลาดอินโดนีเซียให้มากขึ้น รวมทั้งยังเป็นการรักษาความสัมพันธ์และความร่วมมือทางการค้าข้าวอันดีระหว่างกันด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากการทำเอ็มโอยูซื้อขายข้าวกับอินโดนีเซียแล้ว ขณะนี้ กรมการค้าต่างประเทศ อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจัดทำรายละเอียดเอ็มโอยูซื้อขายข้าวกับรัฐบาลบังกลาเทศ โดยบังกลาเทศต้องการซื้อข้าวนึ่ง และข้าวขาวจากไทย ปริมาณ 1 ล้านตัน คาดว่า จะคุยรายละเอียดได้เสร็จเร็วๆ นี้