

.เซ็นเอ็มโอยูจับมือ “ทีจีโอ” ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ
.หวังแก้ปัญหาโลกร้อน-เพิ่มมูลค่าสินค้า-ลดข้อกีดกันการค้า
.ตั้งเป้าเพิ่มผู้ประกอบการ “บีซีจี ฮีโร” กว่า 200 รายในปี 67
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ว่าด้วยการส่งเสริมผู้ประกอบการในด้านการบริหารก๊าซเรือส่งนกระจกระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือทีจีโอว่า “การลงนามเอ็มโอยู เพื่อผลักดัน ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในด้านการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้สามารถปรับตัว และบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ลดการปลดปล่อยคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ปัจจุบันทุกประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญนั้น จะเป็นการเพิ่มความได้เปรียบในด้านการค้าระหว่างประเทศ ลดข้อกีดกันทางการค้า สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าและบริการของไทยให้เป็นที่ยอบรับในระดับสากล และยังช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กรมได้ดำเนินการตาม บีซีจี โมเดล (เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว) ที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นโมเดลเศรษฐกิจใหม่ และเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้พัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการนำร่อง ภายใต้ชื่อ บีซีจี ฮีโร 50 รายในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ เฟอร์นิเจอร์ ของแต่งบ้าน แฟชั่น ที่ผลิตสินค้าโดยใช้บีซีจี โมเดล ที่ลดการปล่อยคาร์บอน ลดการสูญเสียในการผลิตเป็นศูนย์ นำเศษเหลือใช้กลับมาใช้ใหม่ มาช่วยพัฒนาการผลิตให้ดีขึ้น และช่วยเพิ่มช่องทางการตลาดในต่างประเทศ รวมถึงมาเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการรายอื่น โดยเฉพาะเอสเอ็มอี นำโมเดลนี้มาใช้ในประกอบธุรกิจบ้าง
“ปี 65 ที่กรมได้ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการบีซีจี ฮีโร 50 ราย สามารถสร้างมูลค่าการค้า ผ่านกิจกรรมในตลาดเป้าหมาย ได้แก่ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย และกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจออนไลน์ ได้รวม 74.49 ล้านบาท และยังส่งเสริมการค้าสินค้ากลุ่มบีซีจี ผ่านกิจกรรมต่างๆ ของกรมอีก ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าการเจรจาการค้ากว่า 5,000 ล้านบาท”
นายภูสิต กล่าวอีกว่า ในปี 66 มีเป้าหมายสร้างบีซีจี ฮีโร ให้ได้ 150 ราย โดยจะเพิ่มกลุ่มสินค้าอื่นๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น อาหาร ส่วนปี 67 ไม่ต่ำกว่า 200 ราย และผลักดันให้เป็นผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำ ที่ลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม 30 – 40 ราย
สำหรับในพิธีลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ ได้นำบีซีจี ฮีโร 10 ราย มาร่วมจัดแสดงสินค้า ซึ่งในปี 65 ทั้ง 10 รายนี้ ได้ประเมินการปล่อยคาร์บอน รวมทั้งปี 9,696,467 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (KgCO2 e ) แต่ปี 66 ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายที่จะลดการปล่อยคาร์บอนจากเดิม 20 – 50% หรือลดการปล่อยได้ 3,183,805 KgCO2 e