พาณิชย์สุดปลื้ม! ยอดส่งออกมิ.ย.สูงสุดรอบ 11 ปี



  • มูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านเหรียญฯ ขยายตัว 43.82%
  • เศรษฐกิจโลกและคู่ค้าฟื้น-พาณิชย์อัดกิจกรรมส่งออกต่อเนื่อง
  • “จุรินทร์”ห่วงหลายจังหวัดปิดโรงงานกระทบยอดเดือนก.ค-ส.ค.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า เดือนมิ.ย.64 การส่งออกมีมูลค่า 23,699.43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 43.82% เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.63 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี 1 เดือน ส่วนการนำเข้ามูลค่า  22,754.4 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 53.75% ดุลการค้าเกินดุล  945.1 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปีนี้ การส่งออกมีมูลค่า 132,334.6 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 15.53% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 การนำเข้า 129,895.5 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 26.15% เกินดุล 2,439.2 ล้านเหรียญฯ

สาเหตุที่มูลค่าส่งออกขยายตัวสูงสุดในรอบ 11 ปี 1 เดือน มาจากการดำเนินงานตามแผนส่งเสริมการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบกับ ภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป และเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ภายหลังจากหลายประเทศฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้ชีวิตกลับมาเป็นปกติ และกิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจกลับมาเหมือนเดิม รวมถึงหลายประเทศมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น  อีกทั้งค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าไทยมีการแข่งขันที่ดีขึ้น

“แผนงานในครึ่งปีหลัง จะเดินหน้าสร้างรายได้เข้าประเทศให้ได้มากที่สุด จากเป้าหมายมูลค่าส่งออกปีนี้ขยายตัวที่ 4% โดยจะร่วมมือกับภาคเอกชน แก้ปัญหาอุปสรรคด้านการส่งออก ใช้ทั้งทีมเซลล์แมนจังหวัด และทีมเซลล์แมนประเทศ เป็นแม่ทัพร่วมกับภาคเอกชนเดินหน้าการส่งออกต่อไป โดยได้เตรียมกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการส่งออกมากกว่า 130 กิจกรรม ซึ่งขณะนี้ทำยอดขายล่วงหน้าแล้วไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงเร่งเปิดตลาดใหม่ ที่เป็นรูปธรรม เช่น ซาอุดิอาระเบีย ที่ไทยมีโอกาสส่งออกไก่สดไปได้ และลาตินอเมริกา”

อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงว่า มูลค่าส่งออกในเดือนก.ค. และเดือนส.ค.นี้ อาจได้รับผลกระทบกรณีที่บางจังหวัดสั่งปิดโรงงานผลิตสินค้าเพื่อส่งออกหลายแห่งแบบเหมารวม จากการที่พนักงานติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งตนจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า พิจารณาผ่อนคลายการปิดโรงงาน โดยให้ปิดเฉพาะจุดที่มีการติดเชื้อ หรือจุดใดที่พบพนักงานติด และแก้ปัญหาตามมาตรการด้นสาธารณสุขแล้ว ก็ให้เปิดได้ ไม่ใช่ให้ปิดทั้งโรงงาน เพื่อไม่ให้ภาคการผลิตหยุดชะงักและกระทบกับการส่งออก

พร้อมกันนั้น จะเร่งแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว และเร่งฉีดวัคซีนให้กับแรงงานในโรงงานที่ผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งได้แจ้งที่ประชุมครม.สัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุด กระทรวงแรงงานเร่งแก้ปัญหาให้แล้ว และนายกรัฐมนตรี ได้ตอบรับและสั่งการให้พิจารณาฉีดวัคซีนให้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว