พาณิชย์ลั่นรัฐมีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก “อาร์เซ็ป”



  • ทั้งตอบโต้การทุ่มตลาดและอุดหนุน-มาตรการเซฟการ์ด
  • รวมถึงกองทุนเอฟทีเอของกระทรวงพาณิชย์-เกษตรกร
  • ขณะที่ฮ่องกง-ไต้หวันเอ่ยปากขอเข้าเป็นสมาชิกแล้ว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจาคือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่เพิ่งสมาชิกเพิ่งลงนามความตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 15 พ.ย.63 ว่า สำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีภายใต้อาร์เซ็ปนั้น ในความตกลงกำหนดให้แต่ละประเทศสามารถใช้มาตรการเยียวยาทางการค้าได้ ซึ่งไทยมีหลายมาตรการที่จะใช้ปกป้อง และลดผลกระทบให้กับผู้ประกอบการไทยได้ ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี) มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) อีกทั้งยังมีกองทุนเพื่อการปรับตัวจากการเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) ทั้งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เกษตรกร และผู้ประกอบการจะสามารถใช้ได้ รวมถึงกองทุนเอฟทีเอ ที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการจัดตั้งด้วย

“ขณะนี้ กรมจะปรับปรุงระบบการเตือนภัยทางการค้าให้ทันสมัยมากขึ้น เพื่อติดตามสถานการณ์การค้า การนำเข้าสินค้าจากสมาชิก ขณะเดียวกัน ได้เริ่มหารือกับผู้ประกอบการในหลายกลุ่มสินค้า ที่เกรงจะได้รับผลกระทบจากการนำเข้าจากสมาชิกอาร์เซ็ปแล้ว เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งผู้ประกอบการแจ้งว่า หากรัฐจะใช้มาตรการเยียวยาทางการค้า ก็พร้อมให้ข้อมูลผลกระทบเต็มที่ โดยสินค้าที่ผู้ประกอบการของไทย เกรงจะได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ไทยเปิดเสรีให้กับสมาชิกอาร์เซ็ปเพิ่มขึ้นจากที่เปิดเสรีในเอฟทีเออาเซียน+1 เช่น เปิดให้จีนเพิ่มเติมในสินค้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ไฟฟ้า ไฟติดหมวก, เปิดให้ญี่ปุ่นเพิ่มในสินค้า ชิ้นส่วนยานยนต์, เปิดให้เกาหลีเพิ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์ พัดลม เครื่องแต่งกาย สิ่งทอ เป็นต้น”

อย่างไรก็ตาม ความตกลงจะมีการทบทวนทุกๆ 5 ปี สำหรับการเปิดรับสมาชิกใหม่ กำหนดให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ไปแล้ว 18 เดือน จึงจะเปิดรับสมาชิกใหม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมา มีหลายประเทศแจ้งความประสงค์จะขอเข้าร่วม เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน