พาณิชย์ย้ำชัดส่งออกไทยฟื้นตัวอย่างช้าๆ



  • เดือนพ.ย.มูลค่าติดลบต่ำสุดในรอบปีที่ลบ 3.65%
  • เศรษฐกิจโลกฟื้น-ข่าวดีวัคซีนสร้างเชื่อมั่นบริโภค
  • ปีนี้คาดลบต่ำกว่า 7% ส่วนปีหน้าโตได้แน่ 4%

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนพ.ย.63 การส่งออกมีมูลค่า 18,932.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 3.65% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย.62 เป็นการหดตัวต่ำสุดในรอบปี 63 ถือเป็นสัญญาณดีของการส่งออกของไทยที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 585,911 ล้านบาท ลดลง 0.65% แต่ถ้าหักมูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ ที่มีความผันผวนด้านราคา และอาวุธออก จะเหลืออัตราติดลบเพียง 2.09% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 18,880.07 ล้านเหรียญฯ ลดลง 0.99% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 592,369.78 ล้านบาท เกินดุลการค้า 52.59 ล้านเหรียญฯ แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 6,458.75 ล้านบาท เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

ขณะที่ในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 63 การส่งออก มีมูลค่า 211,385.69 ล้านเหรียญฯ ลดลง 6.92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 6.575 ล้านบ้านบาท การนำเข้ามีมูลค่า 187,872.73 ล้านเหรียญฯ ลดลง 13.74% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 5.920 ล้านล้านบาท เกินดุลการค้า 23,512.96 ล้านเหรียญฯ หรือ 655,384.88 ล้านบาท

“ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกฟื้นตัวดีขึ้น มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากการที่หลายประเทศมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีข่าวดีจากความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการผลิตและการบริโภค และยังได้รับผลดีจากกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวได้ดีใน 3 กลุ่มหลัก คือ อาหาร สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด”

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ถ้าในเดือนธ.ค.63 มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 18,000 ล้านเหรียญฯ ทั้งปีจะติดลบ 6.86% แต่ถ้าได้มูลค่า 18,500 ล้านเหรียญฯ จะติดลบ 6.6% และได้มูลค่า 19,000 ล้านเหรียญฯ ติดลบเหลือ 6.45% ถือว่าต่ำกว่าที่ประมาณการณ์เอาไว้ว่าทั้งปีจะติดลบ 7% มูลค่า 229,030 ล้านเหรียญฯ อย่างไรก็ตาม คาดว่า ไตรมาสแรกปี 64 ตัวเลขการส่งออกอาจจะยังไม่ดีนัก เพราะยังมีปัจจัยลบ ที่ส่งผลกระทบอยู่ ทั้งการระบาดของโควิด การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศยังไม่สะดวกมากนัก รวมถึงการส่งออกไปประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังได้รับผลกระทบจากการปิดด่านหลายแห่ง

“แต่คาดว่า ทั้งปี 64 เบื้องต้นประเมินว่าการส่งออกจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ 4% มูลค่า 238,477 ล้านเหรียญฯ โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการค้าโลก แม้จะมีการล็อกดาวน์เป็นจุดๆ แต่ไม่กระทบเศรษฐกิจรุนแรงเหมือนรอบแรก, วัคซีนน่าจะออกมาแล้ว แม้จะยังฉีดไม่ได้ทุกคน แต่ก็สร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้น, ราคาน้ำมัน มีแนวโน้มฟื้นตัว หากโควิด-19 จำกัดการระบาดได้, สินค้าไทยทั้งกลุ่มอาหาร ทำงานที่บ้าน และดูแลสุขภาพ ยังคงส่งออกได้ดี ตามความต้องการซื้อ รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่มีแนวโน้มดีขึ้น เช่น รถยนต์ ส่วนปัจจัยที่ต้องระวัง คือ ค่าเงินบาท ที่ยังผันผวน และนโยบายของสหรัฐฯ ภายหลังเปลี่ยนประธานาธิบดีคนใหม่ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อการส่งออก