

- มูลค่าตลาดสูงถึง 2.5 ล้านล้านบาทโตต่อเนื่องทุกปี
- มีโอกาสทั้งชุดชั้นในชาย-หญิง-เด็กและสปอร์ตบรา
- แนะใช้ออนไลน์-เน็ตไอดอลช่วยรีวิวสร้างจุดขายสินค้า
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในประเทศต่างๆ หาโอกาสส่งออกให้กับผู้ประกอบการไทย ล่าสุดได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองชิงต่าว ประเทศจีนถึงโอกาสส่งออกสินค้าชุดชั้นในของไทยเจาะเข้าสู่ตลาดจีน ที่ปัจจุบัน เติบโตสูงมาก และประเมินว่า ปี 64 ตลาดจะมีมูลค่าสูงถึง 2.53 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.52% จากปีก่อน ซึ่งผู้ผลิต ผู้ส่งออกไทย สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดได้

โดยตลาดชุดชั้นใน แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ 1.ชุดชั้นในสตรี ครองส่วนแบ่งในตลาดมากที่สุด ประกอบด้วยเสื้อชั้นใน และกางเกงใน 2.ชุดชั้นในชาย ประกอบด้วย กางเกงใน ชุดชั้นในสำหรับฤดูหนาว และชุดลำลองสำหรับใส่นอน หรือใส่อยู่บ้านสำหรับผู้ชาย 3.ชุดชั้นในเด็ก อายุ 0–16 ปี ประกอบด้วยชุดชั้นในสำหรับฤดูหนาว กางเกงในเด็ก และชุดลำลองสำหรับใส่นอนหรือใส่อยู่บ้านสำหรับเด็ก และ 4.สปอร์ตบรา ซึ่งเริ่มเข้ามาแข่งขันในตลาดชุดชั้นในมากขึ้น
ด้านนางสาวชนิดา อินปา ผู้อำนวยการ สคต.ชิงต่าว กล่าวว่า ชุดชั้นในสตรี มีการแข่งขันที่รุนแรง แบรนด์ของจีนมีมากกว่า 3,000 แบรนด์ ชุดชั้นในชาย ก็มีแบรนด์จีนหลายแบรนด์ ชุดชั้นในเด็ก มีแนวโน้มเติบโตสูง เพราะผลจากนโยบายลูกคนที่ 2 และสปอร์ตบรา เริ่มเติบโต เพราะคนจีนนิยมออกกำลังกาย อย่างไรก็ตาม แม้การแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ก็ยังมีโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยจะเข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด เพราะยังมีการกระจุกตัวของแบรนด์
“ผู้ประกอบการไทยที่จะเข้ามาทำตลาดในจีน ต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภคจีนยุคใหม่ พร้อมทั้งพัฒนาชุดชั้นในที่มีเอกลักษณ์ มีคุณสมบัติ และคุณภาพที่เหมาะสมกับสรีระของผู้สวมใส่ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากที่สุด และควรใช้ช่องทางการค้าออนไลน์ และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เพื่อเจาะตลาดจีน ขณะเดียวกัน ควรร่วมมือกับผู้ที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น เช่น อินฟลูเอนเซอร์ เน็ตไอดอล ให้มากขึ้น เพราะผู้บริโภคจีนชอบดูไลฟ์สตรีมมิ่งของบุคคลที่มีชื่อเสียง และสนใจอ่านคอมเมนต์ รีวิวของผู้ที่เคยใช้งาน เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ หากผู้ประกอบการส จับจุดเด่นและเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคได้ จะทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวจีนทุกเพศทุกวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นแน่นอน”