พาณิชย์จับมือวุฒิสภาแก้ปัญหาความยากจน



  • หนุนเพิ่มปริมาณใช้ยางพาราในประเทศ-ดันส่งออก
  • ผลักดันทำตลาดสินค้าและอาหารฮาลาลในต่างประเทศ
  • หวังเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ประชาชน และเอสเอ็มอี

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา เข้าพบเพื่อปรึกษาหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้หารือแนวทางการช่วยเหลือและส่งเสริมสินค้ายางพาราและสินค้าฮาลาลร่วมกัน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ประชาชน และผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) 

โดยในส่วนของยางพารา เห็นตรงกันว่า ควรช่วยกันส่งเสริม และสนับสนุนให้ราคายางในประเทศดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ชี้แจงว่า จากการดำเนินการของรัฐบาล สามมารถผลักดันให้ราคายางสูงขึ้นกว่าราคาประกันรายได้ โดย ณ วันที่ 24 มี.ค.64 ยางแผ่นดิบตลาดกลางสงขลา กิโลกรัม (กก.) ละ 61.90 บาท จากราคาประกันกก.ละ 60 บาท, น้ำยางสด กก.ละ 64 บาทจากราคาประกันกก.ละ 57 บาท, ยางก้อนถ้วย กก.ละ 24.25 บาท จากราคาประกันกก.ละ 23 บาท และยางแผ่นรมควันชั้น 3 กก.ละ 64.79 บาท (ไม่ได้อยู่ในโครงการประกันรายได้)

นอกจากนี้ ยังได้ส่งเสริมการตลาดถุงมือยางธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศ ซึ่งมีข่าวดี ว่า ประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่สามารถผลิตถุงมือยางธรรมชาติแบบโปรตีนต่ำได้แล้ว ทำให้ผู้สวมใส่ ไม่เกิดอาการแพ้ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก หากมีการผลิตและส่งออกได้มากขึ้น จะช่วยให้ความต้องการใช้น้ำยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น และมีผลผลักดันให้ราคาสูงขึ้นได้ 

ขณะเดียวกัน ในเรื่องการส่งเสริมการส่งออกไม้ยางพารานั้น ได้แจ้งว่า รัฐบาลมีหลายโครงการที่ส่งเสริม ได้แก่ 1.จัดสรรวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ย 3% ของวงเงินกู้ สำหรับผู้ส่งออกไม้ยางพารา 2.กระทรวงพาณิชย์นำภาคเอกชนเดินทางไปเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ยางพาราที่อินเดีย และยังอยู่ระหว่างเจรจาจัดทำมินิ เอฟทีเอ กับรัฐเตลังกานา ของอินเดีย เพื่อผลักดันการส่งออกไม้ยางพาราของไทยเข้าไป เพื่อนำไปใช้ในเฟอร์นิเจอร์ ปาร์ค ของอินเดีย รวมทั้งจะหารือกับภาคเอกชน เช่นเอสซีจี เพื่อให้นำยางพาราไปทำผลิตภัณฑ์มุงหลังคา ตามที่วุฒิสภาเสนอ  

นายจุรินทร์ กล่าวต่อถึงการส่งเสริมสินค้าฮาลาลว่า สินค้าฮาลาล และอาหารฮาลาล เป็นหนึ่งในเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่จะส่งเสริมการส่งออกอยู่แล้ว นอกเหนือจากอาหารมังสวิรัติ ที่จะมุ่งเจาะตลาดอินเดีย และอาหารแนวใหม่ ที่เป็นเทรนด์ของโลก  ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ ยังมีแผนส่งเสริมเอสเอ็มอี ที่ขายสินค้าฮาลาล ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขาย และงานแสดงสินค้าต่างๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งจะผลักดันให้มีการจดเครื่องหมายฮาลาล ซึ่งถือเป็นตราที่รับรองคุณภาพกระบวนการผลิตที่ถูกต้องตามหลักศาสนามให้เร็วขึ้น