“พลเอกประยุทธ์” หารือเจ้าชายนายกฯซาอุดิอาระเบีย ลงนามท่องเที่ยว 1 ใน 5 ทวิภาคี-ปี’66 ททท.หวัง 4.5 พันล้าน

“พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีนำคณะ 5 รองนายก พร้อม 6 รัฐมนตรีว่ากระทรวงของไทย

ร่วมหารือกับเจ้าชายและนายกฯ ซาอุดิอาระเบีย เดินหน้าลงนามความร่วมมือทวิภาคี ไทย-ซาอุฯ 

เน้นท่องเที่ยวเป็น 1 ใน 5 เรื่องหลัก ขานรับเป้าหมายปี’66 ททท.ตั้งเป้ารายได้ 4,500 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลางโหมได้พบหารือทวิภาคีกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุล อะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสที่มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เสด็จฯเยือนไทยอย่างเป็นทางการ นำคณะของไทยเข้าร่วมด้วย  5 รองนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

พร้อมด้วยรัฐมนตรี 6 กระทรวงหลัก ประกอบด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุชาติ ชมกลิ่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย

รวมทั้งมี ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อยู่ในการเข้าร่วมหารือครั้งนี้ด้วย

ผลจากการที่ผู้นำรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีของไทย หารือกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุล อะซีซ อาล ซะอูดมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ได้ติดตามการดำเนินการขับเคลื่อนด้านต่าง ๆและส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพระหว่างกัน

ภายหลังจากการหารือข้อราชการ นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเชิญมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงเป็นสักขีพยานร่วมในพิธีแลกเปลี่ยนเอกสาร จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่

1. ข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย

2. บันทึกความเข้าใจการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดีอาระเบีย-ไทย

3. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

4. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุนโดยตรง ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย

5. บันทึกความเข้าใจระหว่างองค์กรกำกับดูแลและต่อต้านการทุจริต ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ทันทีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางไปฟื้นความสัมพันธ์ยังซาอุดิอาระเบียตั้งแต่มกราคม 2565 พร้อมทั้งไทยเปิดให้เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า ทำให้ระหว่างมกราคม-พฤศจิกายน 2565 มีซาอุดิอาระเบียเที่ยวไทยแล้วกว่า 76,216 คน สูงกว่าเป้าหมายตลอดปี 2565 เดิมททท.ตั้งไว้จะมีเพียง 25,700 คนเท่านั้น ขณะที่เป้าหมายปี 2566 ตั้งไว้จะมาอีกมากกว่า 52,500 คน สร้างรายได้4,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากก่อนสถานการณ์โควิดตลอดปี2562 เดินทางเข้ามา 36,783 คน สร้างรายได้ 3,220 ล้านบาท

ปี 2565 นักท่องเที่ยวซาอุดิอาระเบียที่เดินทางเข้ามาชื่นชอบท่องเที่ยวไทยกระจายไปตามพื้นที่หลักเรียงตามลำดับความนิยมเบื้องต้น 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา พังงา กระบี่ เกาะสมุย และเชียงใหม่

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza,www.facebook.com/penroongyaisamsaen