ฝ่ายค้านสบช่อง!ยุพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวเปิด 2 ทางที่มานายกรัฐ มนตรีคนใหม่“บัญชีเดิม- คนนอก ม.272”

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการหารือร่วมกับประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อแก้สถานการณ์วิกฤติการเมืองในขณะนี้ว่า วันนี้จะต้องทำสังคมได้มั่นใจว่า สามารถแก้ปัญหาและหาทางออกเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนในเวลานี้ได้ ซึ่งจะต้องดูมูลเหตุของวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้และหาทางแก้ไข ซึ่งการถกนี้จะต้องจบโดยเร็ว  แม้จะไม่ได้รายละเอียดมากนักแต่ก็ต้องมีแนวทางที่แน่นอน และเชื่อว่า มาตรการสำคัญในวันนี้คือการเปิดประชุมแบบวิสามัญ แบบเร่งด่วน แม้จะมีเวลาแค่ 10 วันนี้ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็รวดเร็วและอะไรก็เกิดขึ้นได้แม้แต่ 1-2 วันก็ไม่ควรปล่อยเวลาทิ้งไป และส่วนตัวก็เห็นว่า ช่วงเวลา 10 วันก่อนเปิดสมัยประชุมแบบสามัญก็ยังช้าไปด้วย ซึ่งเมื่อเปิดประชุมแล้วสาระที่จะมีการหารือกันก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ถือว่าเป็นข้อเรียกร้องชัดเจนว่า จะรับหรือไม่รับหรือต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราใด ดังนั้นก็เห็นควรที่จะต้องเปิดประชุมแบบวิสามัญเพื่อลงมติโหวต และเชื่อว่า หากโหวตผ่านสถานการณ์ก็จะดีขึ้น แต่ถ้าไม่ผ่านก็จะสามารถยื่นต่อได้ในสมัยประชุมแบบสามัญ

นายสุทิน กล่าวว่า นอกจากนี้จะต้องหารือเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วยว่า ออกโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หรือเหมาะสมหรือไม่ หากไม่เหมาะก็จะทำให้สถานการณ์ไม่ดีขึ้น และควรจะยกเลิกหรือไม่  รวมถึงการให้คำแนะนำท่าทีรัฐบาลต่อผู้ชุมนุม และควรที่จะให้มีการเปิดเจรจากัน รวมถึงท่าทีของรัฐบาลที่มีการข่มขู่ ต้องลดท่าทีนี้ด้วยหรือไม่ 

“ทุกวันนี้ต้องตระหนักว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้แก้ปัญหา หากสภาจะมีมติ หรือแนะนำอะไรบางอย่างกับนายกรัฐมนตรีก็เชื่อว่า จะมีน้ำหนัก ไม่น้อยกว่าผู้ชุมนุม” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวถึงการยุบสภาหากเกิดขึ้นในขณะนี้ส่วนตัวเห็นว่า จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้และจะต้องนำปัญหานี้ไปแก้ในปีหน้า อีกทั้งเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเอง นอกจากนี้ยังเห็นว่า การยุบสภาขณะนี้ ยังต้องใช้ระบบเลือกตั้งแบบเดิมอยู่ ซึ่งจะทำให้ปัญหานั้นวนกลับมาอีก และคำว่า “สืบทอดอำนาจ” ก็ยังถูกหยิบยกขึ้นมาอีก  ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดขณะนี้คือ การทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นและจะเอาใครเป็นรัฐบาลในช่วงนี้ก็ต้องมาช่วยกันคิด และต้องเป็นรัฐบาลที่ทุกฝ่ายยอมรับ และต้องถ่วงดุลและตรวจสอบได้

เมื่อถามถึง ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมในเรื่องของการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น นายสุทิน กล่าวว่า  โดยส่วนตัวคิดว่า ทางรัฐสภาไม่สามารถพูดได้โดยตรง  แต่หากมีการตั้งเวทีขึ้นมาและเปิดโอกาสให้พูดว่า การปฏิรูปนี้คืออะไร  ต่างจากการล้มล้างหรือไม่และต้องการปฏิรูปอะไร  ก็เชื่อว่า ต้องมีการรับฟังอย่างเป็นเหตุเป็นผลก่อน ซึ่งอะไรทำได้หรือไม่ได้สังคมจะมีคำตอบเอง จึงไม่ควรไปวิตกกับข้อเสนอดังกล่าว หากมีการพูดคุยกันอาจเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครเปิดเวทีดังกล่าวเลย ซึ่งรัฐสภาควรที่จะเป็นผู้หารูปแบบว่า การเปิดเวทีลักษณะนี้ควรเป็นเวทีแบบไหน

เมื่อถามถึง  เริ่มมีการเสนอประเด็นมาตรา 272 ที่ให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตาม มาตรา 88 เปิดช่องเสนอนายกฯนอกบัญชี นายสุทิน กล่าวว่า เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาทั้ง 700 คนมี วิจารณญาณ ว่าอะไรสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งมาตราดังกล่าวสามารถบังคับใช้ได้แต่ต้องมาคิดกันว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้เหมาะสมหรือไม่ที่จะใช้ ส่วนที่ว่าหากนายกรัฐมนตรีลาออกและใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อนั้น ต้องขึ้นอยู่กับสภาและประชาชน โดยส่วนตัวเห็นว่ามี 2 กลไกตามรัฐธรรมนูญคือเลือกตามแคนดิเดตเดิม หรือการใช้มาตรา 272 ก็ได้หรือใครที่นอกเหนือจากนี้ก็เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดมีวิจารณญาณในการตัดสินใจ ด้วยการฟังเสียงของสังคม 

นายสุทิน กล่าวว่า ส่วนที่ว่านายกรัฐมนตรีจะเป็นคนนอกและเหมาะสมหรือไม่นั้น ทางฝ่ายค้านต้องมีการหารือกันอีกครั้ง แต่ตนคิดว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นคนถอดสลักต่อปัญหานี้ หรือหากพรรคร่วมรัฐบาล ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมก็ถือว่าเป็นทางออกอย่างหนึ่งอย่างไรก็ตาม ถ้าทุกคนตระหนักดีว่าตัวเองสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ พรรคร่วมรัฐบาลก็ควรคิดได้ว่าต้องถอนตัว และเชื่อว่าระบบรัฐสภามีทางเลือกจำนวนมากอยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่