“ผู้ว่า ชัชชาติ” เร่งจัดทำงบประมาณปี 66 รวม 7.9 หมื่นล้าน เข้าสภาฯ 20 มิ.ย.นี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยผลการประชุมบริหาร กทม.เกี่ยวกับเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 79,000ล้านบาท ว่า จะต้องนำส่งให้สภากรุงเทพมหานครพิจารณาก่อนจะเริ่ม 1 ต.ค.นี้ โดยมีวงเงินทั้งหมด 79,000 ล้านบาท ซึ่งหลายส่วนเป็นโครงการที่ตั้งมาแล้ว แต่โครงการที่อยู่ในนโยบายยังไม่สามารถนำเข้างบประมาณได้ ซึ่งคาดว่าจะต้องนำไปใส่ในวาระ 2-3 ที่จะปรับงบประมาณอีกครั้ง

ทั้งนี้เป็นข้อสังเกตุว่า กทม.มีงบผูกพัน อยู่ 126 โครงการ วงเงินรวม 98,710 ล้านบาท โดยปี 2566 มีงบผูกพัน 14,722 ล้านบาทและปี 2567 วงเงิน 24,854 ล้าน ซึ่งเป็นโครงการระยะยาว ทั้งนี้คงต้องให้เป็นไปตามระเบียบงบประมาณ แต่งบลงทุนใหม่ปี 2566 มีทั้งหมด 1,695 ล้านบาท หรือประมาณ 2.5 % ซึ่งจะพยายามผลักดันนโยบายให้มากที่ สุด โดยมี 2 รูปแบบ คือนโยบายบางส่วนมีบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติราชการอยู่แล้วก็จะผลักดันต่อ

ส่วนที่ไม่มีก็ต้องบรรจุเข้าแผนปฏิบัติราชการ จะนำมาหารือในวาระที่ 2 และมองว่า ขั้นตอนในวาระ 2 น่าจะเสนอแผนเข้าไปได้ เพราะนโยบายบางส่วนก็ไม่ต้องใช้เงินพร้อมมองว่า งบประมาณที่จะต้องลงทุนเยอะ คือระบบติดตั้งการจราจร เพื่อควบคุมไฟจราจรภาพรวม ที่ได้ไปหารือร่วมกับตำรวจนครบาลไว้ โดยจะต้องดูว่ามีงบส่วนไหนเข้ามาดำเนินการได้หรือไม่ ส่วนเรื่องการปรับปรุงซ่อมแซม ทางเท้า ท่อระบายน้ำ ถนนต่างๆ ก็ยังมีเงินที่ค้างอยู่ยังใช้ไม่หมดของปี 2565 ที่นำมาใช้ได้

นายชัชชาติ กล่าวยอมรับว่า งบผูกพัน เป็นข้อจำกัดที่จะต้องหาช่องทางนำแผนนโยบายเข้าไป และยอมรับว่า ยังกังวลเรื่องการจัดเก็บภาษี เพราะภาษีหลักคือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลให้เก็บภาษี10 % ก็ต้องเร่งรัดเก็บส่วนนี้ เพราะที่ผ่านมาขยายเวลาและให้ผ่อนจ่ายได้ และปัจจุบันเก็บได้ 22,000 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งปีนี้ถือเป็นปีแรกที่เก็บเต็มที่ในภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจากภาษีโรงเรือน จึงต้องเร่งรัด เพราะเป็นรายได้หลักของ กทม.

ส่วนกรณีเรื่องการก่อสร้างที่ทำให้ล่าช้า และเวลาบานปลาย จะมีผลทำให้งบประมาณบานปลายด้วยหรือไม่นั้น มองว่า ไม่ได้ทำให้งบบานปลาย แต่ก็ต้องเสนอไปยังรัฐบาล ถึงการดูเรื่องมาตรการผ่อนผันช่วงโควิด เพราะจะทำให้เร่งรัดงานการก่อสร้างลำบาก ซึ่งหลังจากนี้ กทม.ก็จะต้องไปดูสัญญาก่อสร้างอย่างเอาจริงเอาจังหากช้าก็ต้องปรับ แต่หากได้เงื่อนไขในการผ่อนผันจากรัฐบาลมาก็หลีกเลี่ยงไม่ได้