ผู้นำอังกฤษเรียกร้องนานาชาติแก้ปัญหาโลกร้อน

.หลังรายงานยูเอ็นพบโลกร้อนเร็วขึ้นกว่าคาด 

.เหตุสภาพอากาศเปลี่ยน-ทำภัยธรรมชาติรุนแรง 

.จี้ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก-ตั้งเป้าเป็นศูนย์ปี 73

สหราชอาณาจักรเรียกร้องทั่วโลก เร่งแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ หลังสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยรายงานว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับใหม่ พบโลกร้อนขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า 

รายงานฉบับล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) เป็นการเตือนภัยจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกว่า กิจกรรมของมนุษย์กำลังทำลายโลกอย่างรวดเร็วมาก  

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อทุกภูมิภาคของโลกแล้ว หากไม่ดำเนินการเร่งด่วนเพื่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น โลกจะต้องเผชิญกับคลื่นความร้อน ฝนตกหนัก และความแห้งแล้งเพิ่มขึ้น รวมทั้งสูญเสียน้ำแข็งขั้วโลกในทะเลอาร์กติก ชั้นหิมะปกคลุม และเพอร์มาฟรอสต์ (ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว) มากขึ้น ขณะเดียวกัน แหล่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Sinks) จะมีประสิทธิภาพน้อยลง โดยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ในอัตราที่ช้าลง 

นอกจากนี้ รายงานยังย้ำว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยทันที โดยตั้งเป้าให้เป็นศูนย์ (Net Zero)  ให้ได้ภายในช่วงกึ่งกลางศตวรรษนี้ จะทำให้อุณหภูมิโลกไม่เพิ่มขึ้นเร็ว หรือเพิ่มขึ้นไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้ในระยะยาว และจะช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดจากสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง 

ด้านนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร (ยูเค) ระบุ “รายงานนี้ชวนให้เราต้องฉุกคิด และชัดเจนว่าทศวรรษต่อไป จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการสร้างความมั่นคงให้กับอนาคตของโลก เรารู้ว่าต้องทำอะไรเพื่อจำกัดสภาวะโลกร้อน นั่นคือการปิดหน้าประวัติศาสตร์ถ่านหิน และเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ปกป้องธรรมชาติ และสนับสนุนการเงินเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ประเทศด่านหน้าที่เสี่ยงต่อภัยนี้ที่สุด  

สหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในการยุติการปล่อยคาร์บอนจากระบบเศรษฐกิจของเราได้เร็วกว่าประเทศใดในกลุ่ม G20 ตลอดช่วงเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ผมหวังว่ารายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนี้ จะเตือนให้โลกหันมาเริ่มลงมือ (ทางสภาพภูมิอากาศ) โดยทันที ก่อนที่เราจะมาพบกันที่เมืองกลาสโกว์ในเดือนพ.ย.นี้ ในการประชุมสุดยอด COP26 อันสำคัญยิ่ง” 

นายอล็อก ชาร์มา ประธานการประชุม COP26 กล่าวว่า  วิทยาศาสตร์ได้ชี้ชัดแล้ว ผลกระทบของวิกฤติสภาพภูมิอากาศมีให้เห็นทั่วโลก หากไม่ลงมือทำอะไรในตอนนี้ จะได้เห็นผลกระทบขั้นร้ายแรงที่สุดต่อชีวิต ความเป็นอยู่ และแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตต่างๆ  

“สารของเราถึงทุกประเทศ รัฐบาล ธุรกิจ และทุกภาคส่วนของสังคมนั้น มีใจความง่ายๆ ทศวรรษต่อไปเป็นช่วงชี้เป็นชี้ตาย จงเชื่อในข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และอ้าแขนรับหน้าที่ในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน1.5องศาเซลเซียส  

เราช่วยกันทำให้สำเร็จได้ ด้วยการตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ท้าทาย สำหรับปี 2573 และแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่จะนำไปสู่ Net Zero ได้ในช่วงกึ่งกลางศตวรรษนี้ และเริ่มดำเนินการในตอนนี้เพื่อยุติการใช้พลังงานถ่านหิน เร่งการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จัดการกับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า และลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทน”