ผู้นำยูเครนเรียกร้องรัสเซียยุติเป็นปรปักษ์



  • หันหน้าเจรจาลดความเสียหายของรัสเซีย
  • ลั่นปกป้องประเทศให้ถึงที่สุด ไม่หนีไปไหนแน่
  • ย้ำนานาชาติออกมาตรการคว่ำบาตรไม่แรงพอ

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ประกาศในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ (25 ก.พ.) ตามเวลาท้องถิ่นว่า เรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายมากไปกว่านี้

ปธน.เซเลนสกี กล่าวกับประชาชนผ่านทางวิดีโอในช่วงเวลาประมาณ 07.30 น.ว่า “รัสเซียจะต้องเจรจากับเราไม่ช้าก็เร็ว เพื่อยุติการเป็นปรปักษ์ และการรุกรานครั้งนี้ ยิ่งการเจรจาเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ความเสียหายของรัสเซียก็จะน้อยลงเท่านั้น” ผู้นำยูเครนกล่าว พร้อมระบุว่า “เราจะยืนหยัดปกป้องประเทศจนกว่าจะถึงเวลานั้น”

นอกจากนี้ ปธน.เซเลนสกียังยืนยันด้วยว่า รัสเซียเปิดฉากโจมตีกรุงเคียฟตั้งแต่เวลา 04.00 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมุ่งเป้าโจมตีทั้งอาคารของกองทัพและพลเรือน แม้ก่อนหน้านี้รัสเซียระบุว่า จะไม่มีการโจมตีประชาชนก็ตาม

สื่อต่างประเทศรายงานตรงกันตลอดช่วงเช้านี้ว่า เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่องในกรุงเคียฟ รวมถึงมีการโจมตีอาคารที่พักของประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตาม ปธน.เซเลนสกีให้คำมั่นว่า จะยังคงอยู่ในกรุงเคียฟต่อไป ในขณะที่ทหารยูเครนทำการสู้รบกับทหารรัสเซีย ที่กำลังเคลื่อนทัพรุกคืบเข้าสู่กรุงเคียฟ ซึ่งถือเป็นการโจมตีประเทศในยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

“ศัตรูได้หมายหัวผมเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่ง” ปธน.เซเลนสกีกล่าวเตือนในวิดีโอ “ครอบครัวของผมเป็นเป้าหมายอันดับ 2 พวกเขาต้องการทำลายยูเครนทางการเมืองด้วยการโค่นล้มผู้นำประเทศ แต่ผมจะยังคงอยู่ในกรุงเคียฟต่อไป ครอบครัวของผมก็ยังคงอยู่ในยูเครนด้วยเช่นกัน”

พร้อมกับระบุอีกว่า ท่าทีที่ยังคงแข็งกร้าวของรัสเซียต่อยูเครนนั้น แสดงให้เห็นว่า มาตรการคว่ำบาตรที่ชาติตะวันตกนำมาใช้กับรัสเซียยังไม่มากพอ โลกยังคงจับตาดูยูเครน หลังจากที่กรุงเคียฟและพื้นที่อื่นๆ ถูกรัสเซียยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ แฃะเหตุระเบิดในกรุงเคียฟทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อปี 2484 เมื่อครั้งที่กองทัพนาซีของเยอรมนีเข้าโจมตี

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงผู้ชุมนุมต่อต้านสงครามในรัสเซียว่า “ถึงพลเมืองของสหพันธรัฐรัสเซียที่ออกมาประท้วงทุกคนผมเห็นพวกคุณ นั่นแปลว่าคุณก็ฟังเสียงของเราเหมือนกัน คุณเริ่มเชื่อเรา ต่อสู้เพื่อเรา ต่อสู้เพราะไม่ต้องการสงคราม”