ผู้นำยูเครนกล่าวหารัสเซียฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

  • หลังทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลเด็กในเมืองมาริอูโพล
  • ส่งผลให้แม่และเด็กหลายรายบาดเจ็บ-เสียชีวิต
  • ยูนิเซฟเผยสงครามทำเด็กยูเครนลี้ภัยแล้วกว่า 1 ล้านคน

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้กล่าวหาว่า รัสเซียกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เครื่องบินรัสเซียทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลเด็กของยูเครนเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนมากถูกฝังอยู่ภายใต้ซากอาคาร แม้รัสเซียและยูเครนได้ทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว เพื่ออพยพประชาชนในเมืองมาริอูโพลแล้ว

ทางการยูเครน ระบุว่า การโจมตีดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้สตรีที่เพิ่งคลอดบุตรหลายคนได้รับบาดเจ็บ และเด็กจำนวนมากเสียชีวิตนั้น ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดที่เกิดขึ้น หลังกองกำลังรัสเซียบุกโจมตียูเครน มา 2 สัปดาห์

สภาเมืองมาริอูโพล เปิดเผยว่า โรงพยาบาลเด็กแห่งนี้ ถูกโจมตีแล้วหลายครั้ง ซึ่งทำเนียบขาวของสหรัฐฯมองว่า เป็นการใช้กำลังทหารอย่างป่าเถื่อนเพื่อไล่ล่าชีวิตพลเรือนที่บริสุทธิ์

ประธานาธิบดีเซเลนสกี ได้ย้ำข้อเรียกร้องให้ชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซียในระดับที่รุนแรงมากขึ้น เพื่อให้รัสเซียยอมนั่งโต๊ะเจรจาและยุติสงครามที่โหดร้าย พร้อมกับกล่าวว่า การทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลเด็กถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า รัสเซียต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน

ด้านนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า “กองกำลังทหารรัสเซียไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน การโจมตียูเครนถือเป็นปฏิบัติการพิเศษเพื่อให้มีการปลดอาวุธ

แต่กระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้เผยแพร่ภาพวิดีโอซึ่งแสดงให้เห็นว่า อาคาร 3 ชั้นของโรงพยาบาลเด็กแห่งนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กำลังตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลเด็กดังกล่าว

ด้านองค์การยูนิเซฟ (ยูนิเซฟ) เปิดเผยว่า มีเด็กกว่า 1 ล้านคนที่ต้องลี้ภัยสงครามจากยูเครนไปยังประเทศเพื่อนบ้านภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.

แคทเธอรีน รัสเซลล์ กรรมการบริหารของยูนิเซฟ กล่าวว่า มีเด็กอย่างน้อย 37 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บอีก 50 คน ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลเด็กถูกโจมตีนั้น ตนรู้สึกหวาดผวามาก การโจมตีครั้งนี้จะส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กและครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ปัจจุบัน มีชาวยูเครนกว่า 2 ล้านคนได้ลี้ภัยออกจากประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ขณะที่ผู้ชายจะต้องอยู่สู้รบในประเทศตามคำขอของรัฐบาลยูเครน