ผู้นำจีนมาแปลกถก “โปลิตบูโร” พัฒนาโบราณคดีของชาติ



  • นักวิเคราะห์ชี้ ”สี จิ้นผิง” ต้องการกระตุ้นให้คนจีนภูมิใจในชาติ
  • หลังนานาชาติวิจารณ์ยับ เป็นต้นตอการระบาดโควิด-19
  • แต่หลายฝ่ายมองต่าง แค่สร้างความชอบธรรม ปกครองประเทศให้ตัวเอง

วอยซ์ ออฟ อเมริกา (วีโอเอ) รายงานว่า ในขณะที่จีนกำลังเผชิญหน้ากับคำวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลกถึงการเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโควิด-19 และค่ายกักกันชาวอุยกูร์ ชาวมุสลิมในซินเจียง ส่งผลให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน ถึงขั้นต้องใช้เวทีการประชุมระดับสูงหารือเรื่องที่ว่า โบราณคดีจะตอบสนองผลประโยชน์ของพรรคคอมมิวนิสต์ได้อย่างไร 

ในการประชุมครั้งล่าสุดของคณะกรรมการโปลิตบูโร ของพรรคคอมนิวนิสต์จีนเมื่อเร็วๆ นี้สี จิ้นผิง กล่าวว่า “โบราณคดีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม การเมือง และวัฒนธรรม” โดยเขายังได้แนะนำให้พัฒนาโบราณคดีของจีน เพื่อให้เกิดความเข้าใจให้ถ่องแท้มากขึ้นถึงประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีน รากเหง้า และการมีส่วนร่วมต่อมวลมนุษยชาติ  

  อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์ว่า หัวข้อเกี่ยวกับโบราณคดี ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสำหรับผู้นำประเทศ ที่จะมาหารือ แต่ในขณะนี้ สี จิ้นผิง กำลังหาแนวทางที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการปกครองประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์ในหมู่ประชาชนชาวจีน 

  ขณะที่นักวิชาการต่างชาติ ชี้ว่า โบราณคดีของจีนจมอยู่กับวาระทางสังคม และการเมืองที่แตกต่างกันมาหลายทศวรรษ ความเป็นชาตินิยม มีอิทธิพลต่อการวิจัยของนักโบราณคดีและการตีความการค้นพบของพวกเขา 

  เซียะ หมิง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า เป้าหมายของสีจิ้นผิงขณะนี้คือ การใช้โบราณคดีเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพที่ดีขึ้นของจีนในสายตานานาชาติ และกระตุ้นให้เกิดความภูมิใจในชาตินิยม ในช่วงที่ผู้คนทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับจีนจากการเป็นต้นตอการระบาดของโควิด-19 

  “ผมคิดว่า สิ่งที่สี จิ้นผิงต้องการจะบอกคือ วันนี้แม้เราไม่มีโลก แต่เราก็ยังสามารถสร้างอารายธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้ ศูนย์กลาง และพลังของการขับเคลื่อนอารยธรรมโลก ไม่ได้อยู่ที่ตะวันตก ไม่ได้อยู่ที่สหรัฐฯ แต่อยู่ที่จีน สี ต้องการให้คนจีน มีความรู้สึกภูมิใจในชาติ” 

อย่างไรก็ตาม สี จิ้นผิง ไม่ใช่ผู้นำของจีนคนแรก ที่ใช้การค้นพบทางโบราณคดี เพื่อตอบสนองต่อนโยบายด้านต่างประเทศ โดยเมื่อวันที่ 24 ต.ค.2546 ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ได้กล่าวต่อรัฐสภาของออสเตรเลีย ในระหว่างการเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการว่า การแลกเปลี่ยนฉันท์มิตรของทั้ง 2 ประเทศ มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน แม้ว่า จะอยู่ห่างไกลกัน โดยย้ำว่า 

“ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1420 กองเรือของราชวงศ์หมิงของจีน ได้เดินทางมาขึ้นฝั่งที่ออสเตรเลีย” หู จิ่นเทา กล่าว พร้อมย้ำว่า จีนมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่หลากหลายของออสเตรเลีย 

เซียะ หมิง กล่าวว่า หู จิ่นเทา ใช้การค้นพบทางโบราณคดีของจีน เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงออสเตรเลียในอดีต และสร้างความชอบธรรมให้กับจีนในการหาผลประโยชน์ในออสเตรเลียอย่างต่อเนื่อง  

ขณะที่ กอร์ดอน จาง ผู้เชี่ยวชาญจีน กลับเห็นแย้งว่า พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการใช้โบราณคดีเป็นเครื่องมือโปรโมตพรรค ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ การที่จีนใช้หลักฐานทางโบราณคดีมาพิสูจน์ว่า ทะเลจีนใต้เป็นส่วนหนึ่งของจีน ส่วนหวัง จุนเทา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของจีน กล่าวว่า การเน้นย้ำของสี จิ้นผิงเรื่องโบราณคดี มีเป้าหมายหลักเพื่อพิสูจน์ความชอบธรรมในการปกครองประเทศของเขา