ผู้ค้าปุ๋ยคาดไทยส่อเกิดวิกฤติขาดแคลนปุ๋ยเคมี



  • หลังต้นทุนพุ่งแต่รัฐบีบให้ตรึงราคาขายนานจนขาดทุนยับ
  • ถล่มยูเครนทำหาซื้อยาก-ราคาพุ่งหวั่นแย่งซื้อไม่ได้
  • วอน”พาณิชย์”พิจารณาขึ้นราคาให้สอดคล้องต้นทุน

นายกองเอก เปล่งศักดิ์ ประกาศเภสัช นายกสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย เปิดเผยว่า สมาคมเป็นห่วงว่าในฤดูกาลเพาะปลูกที่จะถึงในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ไทยจะขาดแคลนปุ๋ยเคมีสำหรับเพาะปลูก เพราะขณะนี้สต็อกปุ๋ยเคมีบางชนิดลดลง และอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ผู้ค้าปุ๋ยเคมีบางราย ได้ชะลอนำเข้า เพราะขาดทุน จากราคาปุ๋ยในตลาดโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่อง แต่ราคาในประเทศ รัฐบาลกลับให้ตรึงขายไว้

อย่างไรก็ตาม แม้กระทรวงพาณิชย์ จะอนุญาตให้ปรับขึ้นราคาและกระตุ้นให้เร่งรัดนำเข้า เพื่อให้ทันฤดูกาลเพาะปลูกปีนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะแข่งขันสั่งซื้อแม่ปุ๋ยเคมีได้ทันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาราคาแพงขึ้นอยู่แล้ว และเมื่อเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนก็ยิ่งซ้ำเติมให้ราคาแม่ปุ๋ยแพงขึ้นไปอีก ที่สำคัญหลายประเทศ เช่น จีน สั่งห้ามส่งออกปุ๋ย อีกหลายประเทศก็เก็บสต็อกไว้ เพื่อเพิ่มความมั่นคงในการผลิตอาหารในประเทศ

“หากจะสั่งซื้อนำเข้าปุ๋ยรอบใหม่มา อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2-4 เดือน เพราะขณะนี้แหล่งผลิตใหญ่ๆ ที่ไทยนำเข้าเป็นประจำมีปัญหา เช่น รัสเซีย จีน ทำให้ต้องไปแข่งซื้อกับประเทศอื่น อีกทั้งยังต้องใช้เวลาในการขนส่ง การขออนุญาต การตรวจสอบคุณภาพจากภาครัฐอีก ก่อนนำมาผสมวางขาย ซึ่งทุกขั้นตอนใช้เวลาพอสมควร”

สำหรับการขออนุญาตกระทรวงพาณิชย์ เพื่อปรับขึ้นราคาขายปุ๋ยเคมีในประเทศ หลังจากต้นทุนปรับตัวขึ้นสูงมากนั้น ขณะนี้แต่ละบริษัทได้ทยอยแจ้งต้นทุนให้กรมการค้าภายในพิจารณาไปแล้ว โดยปัจจุบัน ราคาแม่ปุ๋ยเคมีในตลาดโลก โดยเฉพาะสูตรสำคัญที่เกษตรกรไทยใช้มาก ได้ปรับขึ้นจากปีก่อนเกิน 100% ได้แก่ ยูเรีย 46-0-0 อยู่ที่ตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ จากปี 64 ที่ตันละ 360 เหรียญฯ, แอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ตันละ 400เหรียญฯเพิ่มจากตันละ 180 เหรียญฯ หรือเพิ่มขึ้น 122%, ฟอสเฟต 18-46-0 ตันละ 1,164 เหรียญฯ เพิ่มจากตันละ 570 เหรียญฯ หรือเพิ่ม 104% และโพแทสเซียม 0-0-60 ตันละ 750 เหรียญฯ จากตันละ 256 เหรียญฯ หรือเพิ่ม 193%

“แต่ละปี ไทยนำเข้าปุ๋ยเคมี 5 ล้านตัน โดยนำเข้าจากจีนมากที่สุด 1.09 ล้านตัน ตามด้วย ซาอุดิอาระเบีย 720,000 ตัน รัสเซีย-เบลารุส 710,000 ตัน โอมาน 367,000 ตัน เกาหลี 332,000 ตัน และแคนาดา 327,000 ตัน ซึ่งที่ผ่านมาสมาคม ไม่ได้ขออะไรมาก เพียงแต่อยากให้ภาครัฐช่วยพิจารณาการปรับขึ้นราคาให้สะท้อนกับสภาพกับความเป็นจริง เพราะผู้ผลิตก็ขาดทุนเยอะแล้ว”

ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ที่ผ่านมา กรมได้หารือกับผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีของไทย เพื่อพิจารณาสถานการณ์การผลิต และจำหน่าย รวมถึงการปรับขึ้นราคาขายตามที่ผู้ค้าร้องขอ หลังพบว่า ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นจริง ซึ่งการอนุญาตให้ขึ้นราคา จะพิจารณาให้เป็นรายๆ และเป็นแต่ละสูตร เพราะแต่ละราย แต่ละสูตรมีต้นทุนแตกต่างกัน ไม่ใช่อนุญาตให้ปรับขึ้นเท่ากันหมด หรือให้ปรับขึ้นได้ทุกราย นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดให้ผู้ค้าปุ๋ย เร่งนำเข้าปุ๋ยเข้ามาให้ทันกับฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ที่กำลังจะมาถึงอีกไม่กี่เดือนนี้