

- ส่วนใหญ่ต้องการขอรับคำปรึกษาทางการเงิน
- รับความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินเดิม
- ขอสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันที่ 19 พฤศจิกายน 2565 ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 2 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น (KICE) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้ ประชาชนและผู้ประกอบการยังคงให้ความสนใจ เข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องกว่า 1,700 ราย”
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมงาน 1 ราย อาจจะสนใจขอรับบริการมากกว่า 1 รายการ โดยรายการที่ขอรับบริการภายในงานส่วนใหญ่ต้องการขอรับคำปรึกษาทางการเงินจำนวนกว่า 600 รายการ การขอรับความช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินเดิมจำนวนกว่า 400 รายการ การขอสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือนำไปลงทุนประกอบอาชีพจำนวนกว่า 300 รายการ การออมผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากและสลากจำนวนกว่า 100 รายการ การขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับการประกอบอาชีพจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดขอนแก่น และรายการอื่น ๆ เช่น การตรวจข้อมูลเครติดฟรี การขอความช่วยเหลือจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดขอนแก่น การซื้อ NPA ของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชน เป็นต้น จำนวนกว่า 200 รายการ

สำหรับผลการจัดงานในวันที่สอง (วันที่ 19 พฤศจิกายน 2565) ซึ่งเป็นวันเปิดงานมหกรรมอย่างเป็นทางการโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีประชาชนและผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่องกว่า 1,700 ราย ทั้งนี้ ลูกหนี้ ประชาชน หรือผู้ประกอบการในจังหวัดขอนแก่นหรือพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมงานมหกรรมได้อีก 1 วัน ในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่ อย่างยั่งยืน ครั้งที่ 2 นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 – 20 พฤศจิกายน 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ประชาชน หรือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาให้สามารถได้รับการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างครบวงจร ดังนั้น จึงขอเชิญชวนทุกท่านให้เข้าร่วมงานเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนและผลักดันให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้ไขหนี้ครัวเรือนตามเป้าหมายของรัฐบาลได้อย่างแท้จริง”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- สมาคมสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ โทร. 02 202 1868 หรือ 02 202 1961
- ธนาคารออมสิน โทร. 02 299 8000 หรือสายด่วน 1115
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02 111 1111
- ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 555 0555
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02 645 9000
- ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 02 265 3000 หรือสายด่วน 1357
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย โทร. 02 169 9999
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 02 650 6999 หรือสายด่วน 1302
- บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โทร. 02 890 9999