

- เผยช่วงที่เคยติดลบสูงสุด พ.ย.65 อยู่ที่กว่า 1.3 แสนล้านบาท ลดเหลือ 9.4 หมื่นล้านบาท ช่วง มี.ค.66
- เป็นผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มคลี่คลายราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยรายเดือนลดลง
- พร้อมดำเนินการปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลลง4ครั้งในรอบครึ่งปีช่วยพยุงราคาที่เหมาะสม
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงครึ่งปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565 – มี.ค. 2566) ว่า อยู่ในเกณฑ์ดี โดยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นปีงบประมาณฯ ฐานะเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยติดลบสูงสุดเดือนพ.ย.2566 ที่ 130,671 ล้านบาท ได้ทยอยปรับลดลงมา โดยในเดือนมี.ค. 2566 ติดลบเหลือ 94,471 ล้านบาท และล่าสุด 23 เม.ย. 2566 ติดลบเหลือ 85,586 ล้านบาท
“สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มคลี่คลาย โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยรายเดือนเฉลี่ยลดลง จากช่วงต้นปีงบประมาณเดือนต.ค. 2565 อยู่ที่ 91.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดมาเหลือ 78.49 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในเดือนมี.ค. 2566 ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปดีเซล(Gas Oil) เดือนต.ค. ก็สูงถึง 133.84 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ปรับลดลงมาในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาเหลือ 98.92 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล”
นายวิศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากกระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทำให้สามารถดำเนินการกู้ยืมเงินได้ ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มลดลง ส่งผลให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มเรียกเก็บเงินเข้าและมีสภาพคล่องมากขึ้น จนสามารถลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไป 4 ครั้ง ๆ ละ 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลจาก 34.94 บาทต่อลิตร เป็น 32.94 บาทต่อลิตรหรือประมาณ 33 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ ในด้านความคืบหน้าของการกู้ยืมเงินเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ นั้น สกนช. ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในการกู้ยืมเป็นจำนวน 150,000 ล้านบาท โดยบรรจุเป็นหนี้สาธารณะของประเทศไปแล้ว 110,000 ล้านบาท โดยปัจจุบัน สกนช. ทำการกู้ยืมไปแล้ว 30,000 ล้านบาท และในเดือนเม.ย. 2566 จะทำการกู้ยืมเงินเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยทำการกู้ยืมเงินตามสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไป
“ถึงแม้ว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นแต่ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันยังติดลบอยู่เป็นจำนวนมากประกอบกับความผันผวนของราคาพลังงานตามสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกลุ่มโอเปกพลัสที่ลดกำลังการผลิตการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐฯการเปิดประเทศของจีนและความขัดแย้งจากประเทศ และกลุ่มประเทศที่สนับสนุนของฝ่ายรัสเซียและยูเครนทำให้สกนช.ต้องเฝ้าติดตามและคงต้องเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเพื่อนำมาชำระหนี้อย่างไรก็ตามราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสม ไม่เกิดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนจนมากเกินไป ก็จะเป็นสิ่งที่สกนช.จะต้องดำเนินการควบคู่กันไปเช่นกัน”ผู้อำนวยการสกนช.กล่าว
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 23 เม.ย. 2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 85,586 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 38,749 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,837 ล้านบาท