

- เตรียมสนับสนุนเตียงสนาม 3 พันเตียงให้กับเอกชน
- ยันรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นเอกชนนำเข้าวัคซีน
วันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน โดยภาคเอกชนมีส่วนร่วมและจัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม โดยมีผู้บริหารจากโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมประชุม อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ โรงพยาบาลเมดพาร์ค โรงพยาบาลวิภาราม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทุกครั้ง วันนี้ได้เชิญหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ ซึ่งได้เชิญโรงพยาบาลเอกชนมาด้วย โดยหารือหลักการการจัดหาวัคซีนทางเลือก ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และองค์การเภสัชกำลังหารืออยู่ว่าจะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมมาได้อย่างไร เพราะมีแต่วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าเท่านั้น โดยให้ไปหารือว่าจะนำวัคซีนทางเลือกเข้ามาได้อย่างไร เพราะวันนี้เป็นการใช้วัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ซึ่งผมได้ตั้ง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สมัยรัฐบาล คสช. เป็นประธานคณะกรรมการเพื่อเป็นคณะทำงานจัดหาวัคซีนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลเอกชนเพื่อไปสู่การเดินหน้าจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีกทางหนึ่งให้กับโรงพยาบาลเอกชนที่ยังไม่มีวัคซีน
“ผมยินดีและขอบคุณ สมาคมโรงพยาบาลเอกชนจะจัดหาวัคซีนมาช่วยรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น ขณะนี้มีบริษัทวัคซีนรอขึ้นทะเบียนกับ อย.หลายบริษัท แต่การนำเข้ายังมีปัญหาอยู่ต้องหาทางปลดล็อกทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้ถ้าได้วัคซีนมาเพิ่ม มีอะไหล่เข้ามา จากเดิมที่รัฐบาลฉีดต้องฉีด 40 ล้านคน ก็อาจจะทำให้ลดลงไป อย่างน้อย 5 ล้านโดส ต้องเอาเข้ามาให้ได้”
สำหรับการจัดหาวัคซีนที่จะเข้ามาเพิ่มเติมจากระยะแรก 3.5 แสนโดส ซึ่งในเดือนเมษายนนี้จะมีวัคซีนเข้ามาระยะที่สองจำนวน 1.5 ล้านโดส ต่อจากนั้นจะทยอยเข้ามาในเดือนถัดๆ ไป เว้นแต่มีปัญหาจากต้นทางอาจทำให้แผนการจัดหาวัคซีนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละ 200 คน 300 คน 400 คน แต่สามารถควบคุมได้ โดยการตรวจเชิงรุก เพื่อนำเข้าสู่ระบบการรักษา ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมสถานที่เพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรีไม่เคยทอดทิ้งใคร
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำอย่างไรให้โควิดเข้าไประบาดในโรงพยาบาล ต้องมีโรงพยาบาลสนามในการตรวจคัดกรอง น้ำยาตรวจมีเพียงพอ ผมยืนยัน เอกชนพร้อมจัดสถานที่ฉีดวัคซีนช่วยรัฐบาลในระยะแรก แต่ต่อไปเมื่อมีวัคซีนทางเลือกเข้ามาใหม่ก็จะให้บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชนเพิ่มเติมได้
“ที่ผมพูดว่า อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ตราบใดที่เรายังควบคุมไม่ได้ทั้งหมด แต่เมื่อเกิดแล้วเราต้องแก้ไข เราต้องดำเนินการต่อไป ไม่มีปัญหาอะไรที่มันจะจบ ปุ๊บ ปั๊บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อโรค”
ด้าน ศ.ดร.นพ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ประชุมข้อสรุปการแก้ปัญหาเตียงโรงรับผู้ติดเชื้อโควิดไม่เพียงพอ โดยการประสานกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) และกองทัพบก รวมถึงกองทัพเรือจะเปิดโรงพยาบาลสนามในกทม. เบื้องต้นขณะนี้มีโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ 470 เตียง ซึ่งหากได้ประมาณ 3,000 เตียงน่าจะเพียงพอ เนื่องจากอัตราการติดเชื้อ 300-400 คนต่อวัน 10 จำนวน 3,000 คน
นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนกล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนการจัดหาวัคซีนนั้น เอกชนขอให้องค์การเภสัชกรรมติดต่อและพยายามขึ้นทะเบียนให้มากขึ้นเพื่อนำเข้ามาและขายให้เอกชนอีกต่อหนึ่ง
“ขณะนี้วัคซีนที่นำเข้ามาในประเทศไทยมีอยู่ 2 บริษัท คือ แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 61 ล้านโดส และซิโนแวค 2 ล้านโดส รวม 63 ล้านโดส สามารถฉีดให้คนไทยได้ 31.5 ล้านคน แต่เราต้องฉีดประมาณ 40 ล้านคน ดึงนั้น เราจึงขาดวัคซีนอยู่ ซึ่งวัคซีนทางเลือกที่หารือในที่ประชุมวันนี้ จะไม่ใช้วัคซีนของ 2 บริษัทดังกล่าว แต่เป็นบริษัทอื่น เช่น จอนห์สันแอนด์จอนห์สัน ซึ่ง อย.เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. และเร็ว ๆ นี้ วัคซีนของโมเดอร์นาจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นบริษัทต่อไป”
ดังนั้น วันนี้การจัดหาวัคซีนมี 2 แนวทาง แนวทางแรก วัคซีนที่รัฐจัดหา แนวทางที่สอง วัคซีนทางเลือก ที่จะนำเข้ามาใหม่เพิ่มเติมโดยภาคเอกชน ซึ่งต้องประสานกับอย.และองค์การเภสัชด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะ