บ้านจัดสรร-คอนโด ครึ่งปีแรกในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล เหลือขายเพียบกว่า 205,851 หน่วย



  • บ้านจัดสรร จังหวัดปทุมธานี เหลือขายมากที่สุด 40.4%
  • ทำเลบางพลี-บางบ่อ สุดฮิต! ที่อยู่อาศัยขายออกมากที่สุด

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ทำการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในช่วงครึ่งแรก ปี 2563 ซึ่งเป็นการสำรวจโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด ที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย โดยในช่วงที่ทำการสำรวจ พบว่ามีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขาย ณ ครึ่งแรก ปี 2563 ทั้งหมด 1,692 โครงการ จำนวน 205,851 หน่วย มูลค่ารวม 1.03 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้จำแนกเป็นโครงการบ้านจัดสรร 1,167 โครงการ 120,341 หน่วย มูลค่า 642,816 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 525 โครงการ 85,510 หน่วย มูลค่า 395,048 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวมีหน่วยเหลือขายจำนวน 173,093 หน่วย และในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่จำนวน 32,758 หน่วย

ส่วนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล ที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายยังคงมีอัตราการเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของบ้านจัดสรร  15.2% แต่อาคารชุดมีหน่วยลดลง 6.2%

ทั้งนี้จังหวัดที่มีหน่วยเหลือขายเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานีอยู่ที่ 40.4% รองลงมาคือ นครปฐม 9.0% และสมุทรปราการ 5.7% ตามลำดับ ส่วนจังหวัดที่มียอดเหลือขายลดลงมากที่สุดได้แก่ กรุงเทพฯ 2.4% รองลงมาได้แก่นนทบุรี 0.6% และสมุทรสาคร 0.2%

 สำหรับในช่วงครึ่งแรก ปี 2563 มีโครงการเปิดขายใหม่รวม 159 โครงการ จำนวน 29,816 หน่วย มูลค่ารวม 137,068 ล้านบาท เป็นบ้านจัดสรร 124 โครงการ รวม 17,926 หน่วย มูลค่า 94,667 ล้านบาท  และอาคารชุด 35 โครงการ จำนวน 11,890 หน่วย มูลค่ารวม 42,401 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีโครงการเปิดขายใหม่มากที่สุด 68 โครงการ ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 46 โครงการ และอาคารชุด 22 โครงการ รวม 12,463 หน่วย มูลค่า 71,038 ล้านบาท

รองลงมาคือปทุมธานี เปิดโครงการใหม่ 31 โครงการ ประกอบด้วย บ้านจัดสรร 26 โครงการ และอาคารชุด 5 โครงการ รวม 7,720 หน่วย มูลค่า 25,007 ล้านบาท และนนทบุรี 23 โครงการ เป็นโครงการบ้านจัดสรร 21 โครงการ และอาคารชุด 2 โครงการ รวม 5,196 หน่วย มูลค่า 26,345 ล้านบาท

“จำนวนหน่วยเหลือขาย และหน่วยขายได้ใหม่ ยังคงเป็นประเด็นที่น่าจับตา โดย ณ ครึ่งแรก ปี 2563ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีบ้านเหลือขายจำนวน 173,093 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 878,933 ล้านบาท จำแนกเป็นบ้านจัดสรร 99,993 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 533,725 ล้านบาท และอาคารชุด 73,100 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 345,208 ล้านบาท”

ส่วนทำเลที่มีหน่วยขายได้ใหม่ในช่วงครึ่งแรก ปี 2563 มากที่สุด 3 ลำดับแรก คือทำเลบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง ทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ และทำเลลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ ตามลำดับ

ขณะที่ทำเลที่มีหน่วยเหลือขายมากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ทำเลลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ ทำเลบางใหญ่-บางบัวทอง-บางกรวย-ไทรน้อย และทำเลเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ ตามลำดับ

ด้านอัตราดูดซับ (Absorption Rate) หรือ ดัชนีชี้วัดความต้องการซื้อของตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในการสำรวจครึ่งแรกปี 2563 พบว่า มีอัตราดูดซับต่อเดือนลดลง จากปีก่อน 3.7% เหลือ 2.7% โดยบ้านจัดสรรมีอัตราดูดซับเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.8% ขณะที่อาคารชุดมีอัตราดูดซับลดลงจากปีก่อน 4.8% เหลือ 2.4% เนื่องจากมีหน่วยเหลือขายเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่หน่วยขายได้ใหม่มีจำนวนลดลง

ส่วนประมาณการทิศทางตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ปี 2563 และแนวโน้มปี 2564 คาดว่า ณ ครึ่งหลังปี 2563 จะมีที่อยู่อาศัยรอการขายจำนวน 185,993 หน่วย มีมูลค่าหน่วยเหลือขายจำนวน 937,703 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น 193,415 หน่วย มีมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 956,086 ล้านบาท ในครึ่งแรกปี 2564 ในขณะที่อัตราดูดซับต่อเดือนของบ้านจัดสรร คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 2.0% ในครึ่งหลังปี 2563 และเพิ่มขึ้นเป็น 2.4 ในครึ่งแรกปี 2564 ส่วนอัตราดูดซับต่อเดือนของอาคารชุดคาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 1.7% ในครึ่งหลังปี 2563 และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.8% ในครึ่งแรกปี 2564

“คาดว่าในครึ่งปีหลัง 63 จะมีการเปิดโครงการใหม่ประมาณ 23,116 หน่วย  และเปิดใหม่อีก 26,124 หน่วยในครึ่งแรกปี 2564 ในขณะที่จำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ ณ ครึ่งหลังปี 2563 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 75,752 หน่วย มูลค่า 187,971 ล้านบาท และหน่วยโอนกรรมสิทธิ์จะลดลงมาเหลือ 56,774 หน่วย มูลค่า 228,024 ล้านบาท ในครึ่งแรก ปี 2564 ซึ่งประมาณการดังกล่าวอยู่ภายใต้ตัวแปรที่ยังไม่มีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง”