

- เฉพาะช่วงเวลา-บางคลัสเตอร์
- เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
วันที่ 25 มิ.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 5 สมาคมฯ “บิ๊กไฟว์” ประกอบด้วย คณะกรรมการค้าปลีกและบริการ หอการค้าไทย,สมาพันธ์ SME ไทย,สมาคมผู้ค้าปลีกไทย, สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมภัตตาคารไทย ซึ่งในระบบมีการจ้างงานถึง 12 ล้านคน คิดเป็น 34% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5.6 ล้านล้านบาท โดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 5 สมาคมฯ นี้ ได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนทุกๆ มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของโควิด 19 โดยได้ยกระดับมาตรการการป้องกันโควิดขั้นสูงสุดในทุกธุรกิจของเครือข่ายของสมาคมฯ มาโดยตลอด และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดฯ และแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศที่ทำงานอย่างหนัก และต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน
นอกจากนี้ ทั้ง 5 สมาคมฯ ได้เพิ่มการสนับสนุนให้พื้นที่เพื่อเป็นจุดฉีดวัคซีน พร้อมโมเดลของระบบการทำงาน (Total Solutions) รวมทั้งเรื่องความช่วยเหลือในส่วนต่างๆ อาทิเช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงสนาม เครื่องอุปโภคและบริโภค เป็นต้น และยังเน้นย้ำเรื่อง “การ์ดไม่ตก” ในระดับสูงสุด โดยมีมาตรการให้พนักงานทำงานอยู่บ้าน แบบ WFH (Work from Home) เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาด และยังคงทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจรายย่อย และประชาชนทั่วไป ยังคงมีรายได้และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันบนสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้
อย่างไรก็ตามในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 5 สมาคมฯ จึงมีแนวคิดและข้อเสนอแนะว่า การล็อคดาวน์เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีแผนปฎิบัติการเชิงรุกร่วมด้วย และต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบ เช่นช่วยค่าน้ำค่าไฟ เป็นเวลา 3 เดือน, ช่วยจ่ายค่าแรงงานที่ต้องว่างงาน และชดเชยรายได้ที่หายไป เป็นต้น ดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องล็อคดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบของระบบเศรษฐกิจทุกระดับและการจ้างงาน ทั้ง 5 สมาคมฯ จึงขอนำเสนอแนวทางในการล็อคดาวน์เป็น 3 ระดับ ดังนี้
1.ล็อคดาวน์เป็นช่วงเวลา โดยกำหนดการเปิด-ปิดธุรกิจเหมือนช่วงหลังสงกรานต์ปี 2564 ที่ผ่านมา พร้อมเร่งแผนการนำเข้า และฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบ
2.ล็อคดาวน์เป็นบางคลัสเตอร์ หรือบางจุดในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ และเร่งฉีดวัคซีนในคลัสเตอร์ให้ครบ 100% พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในคลัสเตอร์นั้นๆ
3.ล็อคดาวน์เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยงดการเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่และปูพรมการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องล็อคดาวน์ถึง 14 วัน ถ้าสามารถเร่งการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ 100% และยังคงต้องมีมาตรการเยียวผู้ประกอบการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล