บิ๊กป้อม เข้ม!! สั่ง ดีอีเอส ประชุมเคาะ 6 มาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาฉ้อโกงออนไลน์



  • รัฐบาลเอาจริงและพยายามทุกวิถีทาง
  • ปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
  • เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จัดประชุม การแก้ไขปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ในวันนี้ 7 พ.ย. 65 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลตำรวจเอกดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์  ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายวรุณ กาญจนภู รองเลขาธิการสมาคมธนาคารไทย และผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งผู้แทนกระทรวงการคลัง 

โดยที่ประชุมได้สรุปผลของการปฎิบัติงานและสถิติการดำเนินคดีทางอาชญากรรมออนไลน์ที่สำคัญ ในปี 2565 ถึงเดือนตุลาคม นี้ ประกอบด้วย

1. การปิดกั้นข้อความ SMS/โทรหลอกลวง จำนวน 76,165 หมายเลข และดำเนินคดีแก๊งค์ Callcenter ในต่างประเทศ จำนวน 6 ครั้ง มีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 166 ราย 

2. การอายัดบัญชีม้าจำนวน 40,198 บัญชี และปิดกลุ่มโซเชี่ยลมีเดียซื้อขายบัญชีม้า จำนวน 6 กลุ่ม 

3. การดำเนินคดีเกี่ยวกับการหลอกลวงลงทุน- ระดมทุน ออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน จำนวน 653 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 747 ราย

4. การปราบพนันออนไลน์ โดยดำเนินคดีกับเว็บไซต์ ที่กระทำความผิดจำนวน 312 คดี มีผู้ต้องหาจำนวน 403 รายและปิดกั้นเว็บไซต์พนันจำนวน 1,507 เว็บไซต์

5. การหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์ ดำเนินคดีจำนวน 469 คดีและมีการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 490 ราย

นอกจากนี้ ที่ประชุมวางแนวทางมาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงทางออนไลน์ 6 มาตรการ ได้แก่ 

1. การเร่งรัดปราบปรามการฉ้อโกงออนไลน์ 5 ด้านดังนี้ (1) แก๊ง Call Center (2) บัญชีม้า  (3) การหลอกลวงลงทุน-ระดมทุนออนไลน์และหลอกลวงทางการเงิน (4) การพนันออนไลน์ และ (5) การหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการออนไลน์  

2. การป้องกันธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมาย 

3. การป้องกันการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ผิดกฎหมาย 

4. การเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดวงจรอาชญากรรม 

5. การยกระดับการเตือนภัยออนไลน์และสร้างการรับรู้ต่อประชาชน และ 

6. การเร่งรัดพัฒนากฎหมาย และขยายผล

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเป็นกุญแจสำคัญในเรื่องนี้ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณาเรื่องการแจ้งเตือนเพื่อให้ประชาชนก่อนการโอนเงินของระบบ E-Banking / Mobile Banking การป้องกันการโอนเงินผ่าน Remote Application ที่คนร้ายใช้ และ สำนักงาน กสทช. เร่งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับหน่วยงานหรือผู้ใช้งาน Sim โทรศัพท์ที่ผิดกฎหมาย (เช่น SIM ไม่ลงทะเบียน หรือลงทะเบียนไม่ถูกต้อง) สำหรับกระทรวงดิจิทัลฯ จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งผลักดันการออกพระราชกำหนดเกี่ยวกับบัญชีม้าและการจัดการธุรกรรมที่ต้องสงสัยหรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพื่อตัดวงจรอาชญากรรมก่อนกระทบในวงกว้าง     

นอกจากนี้ กระทรงดิจิทัลฯ จะยกระดับการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ผ่านทางช่องทางแอปเป๋าตังค์ และช่องทางต่างๆ โดยกระทรวงดิจิทัลฯ จะเร่งนำมาตรการเร่งด่วนแก้ไขการฉ้อโกงออนไลน์ ตามที่ได้หารือกันในวันนี้ เสนอคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า

“รัฐบาลเอาจริงและพยายามทุกวิถีทางที่จะปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการปราบปรามผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษจากการกระทำผิดตามกฎหมายและอาชญากรรมทางออนไลน์ให้ถึงที่สุด เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และขอให้กระทรวงดิจิทัลฯ เร่งสรุปมาตรการเร่งด่วนแก้ไขการฉ้อโกงออนไลน์ เสนอคณะรัฐมนตรีภายใน 10 วัน”

สำหรับประชาชนที่พบปัญหาภัยออนไลน์สามารถสามารถแจ้งกับกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ที่ 1212 หรือhttps://facebook.com/DESMonitor เพจอาสาจับตาออนไลน์ หรือ แจ้งความออนไลน์ได้ตลอด24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์ https://thaipoliceonline.com หรือ โทร 1441 ตำรวจไซเบอร์