

- ย้ำประมูลต้องประมูลโปร่งใส
- ลดปัญหาให้ประชาชนได้ใช้งานทั่้วถึงมีประสิทธิภาพ
- เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน-นักลงทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.พ. 2563 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อหารรือถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี 5 จี เพื่อเกิดการลงทุน และต่อยอดลงสู่ทุกภาคส่วนของสังคมให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
พลเอกประวิตร กล่าวว่า เทคโนโลยี 5 จีนั้นจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก แต่ส่ิงที่ต้องการให้กสทช. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ให้ความสำคัญในการนำเทคโนโลยี 5 จี มาช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในการเข้าถึงบริการภาครัฐ ในการใช้บริการโทรคมนาคมอย่างทั่วถึงด้วย เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยี การเข้าถึงบริการโทรคมนาคม จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างยั่งยืน และขอให้กสทช.ดำเนินการประมูลด้วยความโปร่งใส
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. ได้รายงานให้ทราบว่า เทคโนโลยี 5 จร เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในด้านที่สำคัญอย่างยั่งยืน อาทิ ภาคสาธารณสุข รัฐบาลอยากให้เกิดระบบโรงพยาบาลอัจฉริยะ โดยเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. ในการรักษาทางไกลด้วยเทคโนโลยี 5 จี สำหรับ 4 โรค ได้แก่ เบาหวาน ความดัน โรคตา และผิวหนัง ประชาชนสามารถรับการวินิจฉัยโรคและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ช่วยให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าเดินทาง ลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงบริการทางการแพทย์
สำหรับภาคการเกษตร รัฐบาลต้องการให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยนำเทคโนโลยี 5 จี มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้เป็นสมาร์ทฟาร์มมิ่ง (smart farming) ในการวางแผนการผลิตและบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ภาคการศึกษา รัฐบาลส่งเสริมให้มีการยกระดับการศึกษา มาโดยตลอด และหวังว่า 5 จี จะเกิดประโยชน์ในการส่งเสริมให้ประชาชนได้เข้าถึงการเรียนการสอนที่มีมาตรฐานสูง จากผู้เชี่ยวชาญ และสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับอย่างทั่วกัน ในส่วนของด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องการให้มีการนำเทคโนโลยี 5จีมาใช้ในการสร้างงาน สร้างอาชีพ โอกาส และรายได้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน การส่งเสริมให้มี Start Up ในท้องถิ่นเพื่อการส่งเสริมให้ประชาชนได้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5 จี ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมศักยภาพของชุมชน และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เริ่มจากการพัฒนาจากชุมชนท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติ โดยการพัฒนาจากฐานของศักยภาพของท้องถิ่น ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้ว เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาคชนบท ไปสู่ระดับเศรษฐกิจของประเทศต่อไป แต่ทั้งนี้การนำเทคโนโลยี 5จี มาใช้ต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานของประชาชน อันเป็นรากฐานที่แข็งแรงของเศรษฐกิจไทยในอนาคตด้วย

ทั้งนี้ จากการประมาณการของสำนักงาน กสทช. พบว่าเมื่อมี 5 จี เกิดขึ้น ในเบื้องต้นจะทำให้จะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ราว 177,039 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.02 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ ส่วนปี 2564 เมื่อภาคเอกชนเพิ่มขนาดการลงทุนในคลื่น 5 จีจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 332,000 ล้านบาท และในปี 2565 ผลของการประมูลคลื่น 5 จี จะเกิดมูลค่าเพิ่มอีก 476,000 ล้านบาท รวมแล้วปี 2563-2565 จะทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 985,720 ล้านบาท ซึ่งหากการขับเคลื่อนของคณะกรรมการ 5 จี แห่งชาติประสบผลสำเร็จตามแนวทางที่วางไว้ตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการไว้ เนื่องจากมูลค่าการใช้งาน 5จีเพิ่มสูงขึ้นจากประมาณการของสำนักงาน กสทช.