“บิ๊กป้อม”นั่งประธานพิธีลงนาม ไทย-ออสเตรเลีย ผนึกหน่วยงานรัฐ ร่วมบริหารจัดการน้ำ



วันที่ 17 ก.ย.2564 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวมอบนโยบายในพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ และพิธีมอบโล่รางวัลและเกียรติบัตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำ พร้อมด้วย H.E. Allan McKinnon เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายดนุช ตันเทอดทิตย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมอาคารประปาวิวัฒน์ การประปาส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ โดยการจัดพิธีมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ได้ทำพิธีลงนามความร่วมมือทวิภาคี ระหว่างเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กับ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ ปลัด อว.,เลขาฯสทนช.,เลขาฯสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม หลังจากเสร็จสิ้นพิธีลงนาม พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานมอบรางวัลให้แก่ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำและเยาวชน จำนวน 39 คน

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า การจะบรรลุเป้าหมายที่ยั่งยืนในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ต้องมีการวางแผนพัฒนาและขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกในยุคปัจจุบัน จำเป็นจะต้องบูรณาการทุกภาคส่วนเข้ามาเป็นพลังในจัดการน้ำร่วมกันกับภาครัฐ เพื่อสร้างกระบวนการให้มีความเข้มแข็ง ตามนโยบายขององค์การสหประชาชาติ ที่ได้กำหนดให้เป็นปีเริ่มต้นทศวรรษแห่งการร่วมลงมือปฏิบัติของทุกประเทศ

“วันนี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการลงนามความร่วมมือทวิภาคีระหว่าง สทนช. และกระทรวงการต่างประเทศและการค้าแห่งเครือรัฐออสเตรเลีย รวมไปถึงการผนึกกำลังของภาครัฐในการลงนามความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง สทนช. กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นย้ำให้ขับเคลื่อนความร่วมมือให้เห็นผลเป็นรูปธรรม มีความต่อเนื่อง และ สทนช. จะต้องหาแนวทางขยายความร่วมมือไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งในและต่างประเทศที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นด้วย”

นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นอีกหนึ่งแนวร่วมที่สำคัญ คือ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านน้ำและเยาวชน ซึ่งได้แสดงพลังความคิด มุมมองเชิงประยุกต์ สร้างสรรค์ คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ด้านการจัดการน้ำ ในกิจกรรมวันน้ำโลกที่ผ่านมา ทำให้เห็นภาพการเดินไปสู่เป้าหมายของความยั่งยืนด้านน้ำของประเทศได้ชัดเจนขึ้น จึงขอให้หน่วยงานภาครัฐขยายผลความร่วมมือและยกระดับการบูรณาการขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยจะมีการติดตามผลการดำเนินการต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันทุกความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนต่อไป