“บิ๊กตู่” เผยพรุ่งนี้ชัดเจน รอ ศบค.กำหนดพื้นที่เสี่ยงมาก-น้อย โควิด-19 วอนทุกคนต้องร่วมมือกันฝ่าวิกฤตไปให้ได้



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการฯ เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเรื่องการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2565 โดยนำทุกประเด็นมาหารือร่วมกัน และเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมา ได้นำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว และได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมครั้งนี้ด้วย เพื่อที่จะเดินหน้าต่อไปในเรื่องขั้นตอนการจัดทำงบประมาณในปี 2565 ซึ่งคาดการณ์ว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นในปี 2564 – 2565 หากเรื่องของวัคซีนยุติได้เรื่องการค้าการลงทุน ถ้าเราสามารถเพิ่มเติมตรงนี้ขึ้นมา รายได้ของภาครัฐก็จะเพิ่มมากขึ้น ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าลดลงมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้ใช้งบประมาณส่วนหนึ่งไปดูแลผู้มีรายได้น้อยเกษตรกร จำนวนมากพอสมควร ฉะนั้นต้องทบทวนทั้งหมด ทั้งงบรายจ่ายการลงทุน เพราะวันนี้การลงทุนโดยภาครัฐอย่างเดียวคงไม่พอ จะต้องมีการลงทุนแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (พีพีพี) ในบางกิจกรรม ซึ่งตนได้มอบหมายให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปหาวิธีการดำเนินการ เพื่อสนับสนุนให้มีการลงทุนในประเทศหรือการลงทุนในต่างประเทศ จะได้ช่วยค่าเงินบาทไปด้วย 

ทั้งนี้ศักยภาพการเงินของไทย ถือว่าแข็งแกร่งมากที่สุดในขณะนี้ ทำให้มีเงินอยู่ในระบบจำนวนมาก ดังนั้นต้องสนับสนุนเรื่องการลงทุนไปยังต่างประเทศ เพราะวันนี้ในต่างประเทศก็ยังมีปัญหาอยู่เหมือนกันในเรื่องการเข้าออก ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เป็นปัญหาทั้งหมด ซึ่งในเรื่องของงบประมาณผู้ที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม

“ทุกคนอย่าตื่นตระหนก ทุกคนยังคงยึดมั่นดำรงไว้ซึ่งความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน หากเรียกร้องอย่างเดียวรัฐก็ทำอะไรให้ไม่ได้มากนัก ถ้าไม่ร่วมมือก็ทำลำบาก ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้รับรายงานในขณะนี้สถิติการติดเชื้อใหม่รายวันเริ่มลดลง เนื่องจากเราได้มีการตรวจสอบและควบคุมพื้นที่มากขึ้น สิ่งใดที่เป็นอุปสรรคปัญหา ผมได้ไล่เรียงทุกหน่วยงานไปแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร สิ่งที่หน้าเป็นห่วงคือ ถ้าเราวิเคราะห์ดูแล้วต้นทางสาเหตุขั้นต้นมาจากแรงงานต่างด้าว ผู้ที่ถูกกฎหมายอยู่ในประเทศไทยมานานแล้วไม่มีปัญหา เว้นแต่ผู้ที่ลักลอบเราต้องขจัดกระบวนการลักลอบให้ได้มากที่สุด ตอนนี้กังวลแรงงานที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนมีการหลบเลี่ยง มีการจ้างงานโดยผู้ที่เห็นแก่ตัว เป็นการจ้างงานโดยไม่ต้องจ่ายค่าแรงตามกำหนด รับแรงงานพวกนี้เข้ามาด้วยการมีขบวนการนำส่งเข้ามา วันนี้ผมกำลังรื้อทั้งหมด และติดตามขบวนการเหล่านี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่กังวลมีเรื่องเดียวตอนนี้ ในบางโรงงานหรือหลายโรงงานที่มีการใช้แรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เอาไปปล่อยพื้นที่อื่นหรือไล่ออกจากงาน ตนได้สั่งการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ให้หามาตรการตรงนี้จะทำอย่างไร ซึ่งตนได้ให้แนวทางไปว่าให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาสมัยที่เราเคยขึ้นทะเบียนแรงงาน ที่มีวิธีการขึ้นทะเบียนชั่วคราวไปก่อน บัตรสีชมพูก็กำลังดำเนินการตรงนี้ ซึ่งหากภาครัฐดำเนินการแบบเข้มข้นเกินไป ก็จะมีการนำแรงงานไปปล่อยที่อื่นอีกมาก สิ่งสำคัญคือความร่วมมือระหว่างกันต้องทำให้ได้

“พรุ่งนี้การประชุม ศบค.จะได้ข้อยุติว่าจะทำอย่างไรในส่วนของมาตรการในช่วงนี้ และช่วงปีใหม่ด้วย ก็ขอแจ้งเตือน(Warning) ไว้ก่อน ว่าวันนี้เรากำลังกำหนดพื้นที่ทั้งหมดว่าควรจะทำอย่างไร กับพื้นที่ตรงไหน แพร่ระบาดมาก แพร่ระบาดน้อย ความเสี่ยงมาก ความเสี่ยงน้อย จะกำหนดพื้นที่ทุกจังหวัดให้เป็นสีต่างๆ สีเขียว สีส้ม สีแดง อะไรเหล่านี้และจะมีมาตรการเฉพาะลงไปว่าทำอะไรได้บ้าง ต้องเตรียมการไว้อย่างนี้ ขอแจ้งเตือนทุกท่านไว้ให้ทราบ เราอาจจะต้องลำบาก อาจจะต้องเสียสละ เพราะถ้าแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ในช่วงนี้มันก็คือปัญหา สิ่งสำคัญที่สุดการเสนอข่าว ให้ข่าว คงต้องรับฟังข้อมูลจาก ศบค.ด้วย อย่าเอาข้อมูลจากอื่นๆไปแพร่ ที่ไม่ใช่ข้อมูลถูกต้อง โดยพิสูจน์ไม่ได้ มันจะทำให้เกิดการตื่นตระหนก และสร้างการรับรู้ที่คลาดเคลื่อนไปยังต่างประเทศ วันนี้เป็นการแพร่ระบาดที่เรารู้ที่มา มีมาตรการเฉพาะและมาตรการสาธารณสุข ครบถ้วนทุกอย่าง ยังสามารถรับมือได้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นแล้วจะกลายเป็นว่าประเทศไทยกลับมาสู่ขั้นระบาดร้ายแรงอีก มันทำให้เราขาดความเชื่อมั่น และจะถูกได้รับความเชื่อมั่นลดลงในเรื่องระบบสาธารณสุขของไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้คิดว่าไทยเรารับมือกับเชื้อโควิด-19 มากกว่าที่อื่น มากกว่าประเทศอื่นหลายประเทศด้วยกัน วันนี้ขอความร่วมมือบรรดาสื่อด้วย อะไรที่พูดจาออกมาแล้วไม่ใช่ข้อเท็จจริงบางทีแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดปัญหา ผมรับฟังทุกส่วน แต่ก็แยกแยะว่าอันไหนเป็นข้อมูลจริงหรือเท็จ ขอร้องบรรดาที่ชอบทำข้อมูลทางโซเชียล ที่เอาข้อมูลเท็จออกมา แพร่ระบาดไปแล้วโน่นนี่มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยกับประเทศไทยของเรา คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ใช่ปกปิด แต่บางครั้งไม่มีความรู้ข้อมูลก็เขียนออกไปโดยแบบผิดๆ อันนี้ผมไม่โทษ ผมเพียงแต่ขอร้อง ขอให้ทุกคนมองที่ประโยชน์ของชาติอยู่ตรงไหน และพวกเราจะอยู่กันอย่างไรต่อไปถ้าอยากจะอยู่ให้มันดีขึ้นก็ต้องช่วยกัน สิ่งดีๆ มีเยอะแยะ อย่าขยายความขัดแย้งกันมากนัก เดี๋ยวก็ไปเรื่องโน้นเรื่องนี้กันเรื่อยเปื่อย

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือพวกเราทุกคน ในช่วงที่กำลังเจอการระบาดโควิด-19 ในขณะนี้ ซึ่งมันไม่ถึงขั้นร้ายแรงเหมือนกับประเทศอื่นๆ ซึ่งของประเทศไทยความจริง ไม่ควรจะขึ้นถ้าทุกคนร่วมมือกัน ทุกคนควรพร้อมที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ทำลายขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย ทุกคนรู้หมดว่าเข้าทางไหนออกทางไหน คนในพื้นที่ทำไมจะไม่รู้ แต่เจ้าหน้าที่เขาก็อยู่เป็นจุด ลาดตะเวนเป็นพื้นที่ คนที่รู้มากที่สุดคือคนในพื้นที่ ดังนั้นต้องขอข้อมูลจากคนเหล่านี้ โดยส่งตรงมาที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้เลย จะปกปิดให้ ไม่ต้องกลัว ถ้าทุกคนกลัว คิดว่าธุระไม่ใช่ มันก็จะเป็นแบบนี้ทุกเรื่อง ไม่ใช่เรื่องโควิด-19 อย่างเดียว เรื่องการทำผิดกฎหมาย การทุจริตของเจ้าหน้าที่ต่างๆเหล่านี้ ก็วามารถแจ้งมาได้