“บิ๊กตู่” ออกพอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า ลั่นห่วงประชาชน-บ้านเมือง-เศรษฐกิจประเทศ คุย “คนละครึ่ง” แก้ตรงจุดช่วยผู้มีรายได้น้อย ร้านค้าปลีกรายย่อย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (15 พ.ย.2563) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกรายการรูปแบบเล่าเรื่องในหัวข้อ “โควิด-19 วาระสำคัญของอาเซียน เที่ยวกินใช้ช่วยเศรษฐกิจไทย” ผ่านแอปพลิเคชั่นพอดแคสต์ไทยคู่ฟ้า โดยระบุว่า การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเราอยู่ในสถานการณ์โควิด-19 จึงต้องใช้รูปแบบการประชุมทางไกล โดยปีนี้แนวคิดหลักของอาเซียนจะเน้นการกระตุ้นการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิกใหม่ และสมาชิกเดิม เพื่อหาทางแก้ปัญหาโควิด-19 โดยเราต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น ทุกประเทศเรามีชะตากรรมร่วมกัน แม้เราจะมีปัญหา แต่ประเทศเราก็ยังมีความโดดเด่นในเวทีอาเซียน เนื่องจากเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ จนได้รับการชื่นชม และยกให้เป็นประเทศตัวอย่าง นี่คือสิ่งที่อยากให้ทุกคนภาคภูมิใจ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่ผู้นำประเทศสมาชิก เห็นพ้องต้องกันคือ สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขฉะนั้นการป้องกัน ควบคุม และวิจัยวัคซีน จึงเป็นเรื่องสำคัญของทุกประเทศ และในเวทีอาเซียนนี้ ถือว่าเป็นเวทีที่แสดงความจริงใจต่อกัน เพราะเราได้พูดคุยกันในหลายๆ เรื่องทุกมิติ 

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยพยายามอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 โดยแก้ปัญหาสุขภาพแล้ว ก็ยังต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจของประเทศไทย ต่างกับประเทศอื่น เนื่องจากพึ่งพาการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก จึงทำให้เกิดปัญหา โดยต้องแก้ปัญหาภายในประเทศ เพื่อทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจฐานรากเข้มแข็งขึ้น ซึ่งในช่วงนี้จะต้องระมัดระวังเรื่องของการลดการจ้างงาน ลดค่าแรงต่างๆ จึงต้องช่วยกันภายในประเทศ และรัฐบาลก็พยายามจะหามาตรการช่วยเหลือในส่วนนี้ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ขยายระยะเวลาโครงการไปถึงวันที่ 31 ม.ค. 2564 และมีการเพิ่มสิทธิส่วนลดค่าที่พัก 40% และคูปองอาหาร รวมถึงเพิ่มสิทธิ์เงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 2,000 บาทต่อคน โดยขณะนี้มีประชาชนลงทะเบียนไปแล้ว 6.26 ล้านคน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ อีกโครงการคือโครงการคนละครึ่ง โดยตนทราบว่าขณะนี้กำลังได้รับความนิยมเพราะสามารถเข้าถึงผู้มีรายได้น้อย และร้านค้าปลีกต่างๆ โดยมีการขยายโครงการให้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 โดยรัฐบาลคำนึงถึงความสำคัญในเรื่องนี้ ที่จะช่วยเหลือร้านค้ารายย่อย หาบเร่แผงลอย ที่ต้องมีเงินหมุนเวียนให้สามารถค้าขายได้ทุกวัน โดยขณะนี้มีร้านค้าลงทะเบียนแล้ว 589,002 ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย 77,287 ร้านค้า ประชาชน ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ 7,410,937 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 11,889 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี

“จริงๆ ผมนึกถึงประชาชนทุกวัน ว่าทุกคนกำลังลำบาก ทุกคนมีปัญหาเราต้องช่วยกัน ถึงเวลาที่เราต้องกลับมาคิดว่าเราจะทำกันอย่างไร โดยที่ทั้งรัฐและประชาชนเราจะเดินไปด้วยกัน คิด อย่างโครงการคนละครึ่ง เราก็เอามาเป็นหลักคิด ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แล้วค่อยๆ ลดค่าใช้จ่ายที่รัฐจะต้องอุดหนุนลงไปให้ได้มาก เพื่อให้ประชาชนเข้มแข็งด้วยตัวเอง ผมต้องการตรงนี้ แต่ตอนนี้คงจะต้องช่วยไปก่อน หมายความว่าวันหน้าถ้ารัฐใช้งบประมาณตรงนี้มากเกินไปมันจะเป็นปัญหากับงบประมาณในด้านอื่น อย่างไรก็ตามขอฝากให้ทุกคนช่วยกันคิด ซึ่งตอนนี้รัฐบาลจะต้องส่งเสริมให้ทุกคนเข้มแข็งด้วยตัวเอง เพื่อจะนำเงินส่วนนี้ไปเติมตรงอื่นให้ครบทุกช่วงวัยและทุกกลุ่ม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้รัฐบาลคิดแบบนี้ ผมไม่ได้เห็นว่ามันแตกต่าง อาจจะดีกว่าหลายประเทศในช่วงนี้ด้วยซ้ำ ซึ่งตนอยากให้ทุกคนภูมิใจไปกับด้วยกัน เรื่องอื่นๆ ก็ว่ากันไป ผมเป็นห่วงประชาชนเรื่องบ้านเมือง ความสงบสุข และเรื่องเศรษฐกิจ อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และขอให้ช่วยกันรักษาแกนหลักของประเทศ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้จะนำพาให้ประเทศเราปลอดภัยพ้นวิกฤติต่างๆ ได้โดยเร็ว