“บิ๊กตู่” ลั่นนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท พรรคเพื่อไทย อาจได้ไม่คุ้มเสีย ชี้ธปท.-คลัง ห่วงเสถียรภาพการเงิน

  • ชี้จากนี้ไทยจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้ได้มากยิ่งขึ้นรวมถึงอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง
  • ย้ำจะทำอะไรใหม่ๆก็ตามต้องคำนึงว่าเรามีทรัพยากรเท่าไหร่จะดูแลใครได้บ้างดูแลได้มากน้อยแค่ไหน

วันนี้ (11 เม..66) พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายหาเสียงให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย (พท.) คิดว่าทำได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลมา 8 ปี ว่า วันนี้ได้ให้โอกาสหน่วยงานด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังมาชี้แจง แต่ตนไม่ได้อยากไปอะไรกับใคร เพราะเป็นเรื่องของการหาเสียงของแต่ละพรรค วันนี้มาพูดคุยถึงการรักษาเสถียรภาพทางการเงินการคลังของประเทศ และการใช้จ่ายของประเทศที่ผ่านมา 

รวมถึงมาพูดคุยว่าประเทศเราใช้จ่ายอย่างไร เพื่อจะพุ่งเป้าไปยังผู้ที่เดือดร้อน ทำให้เกิดรายได้ เรื่องการประกอบอาชีพต่างๆ เพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว จะเห็นได้ว่าในส่วนที่เป็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ร่วมทำกันมาแล้ว ซึ่งก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้มากพอสมควร

ทั้งนี้ ต้องดูเม็ดเงินว่าจะสามารถทำอะไรได้อีก ฉะนั้นงบประมาณต่างๆ ของปี 2567 ตั้งไปแล้ว  ถ้าจะไปแก้ไขอะไรต้องไปแก้กันในสภาฯ หน้า เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกฎหมายเป็นระเบียบที่ต้องทำงบประมาณไว้ก่อนล่วงหน้าในปี 2567 โดยจะต้องนำสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำต่อในเรื่องการลงทุนต่างๆ ที่มีกฎหมายชัดเจนการลงทุนกี่เปอร์เซ็นต์ การใช้งานกี่เปอร์เซ็นต์ และมีงบประมาณเหลือเท่าไหร่ที่จะทำโครงการใหม่ รวมถึงงบประมาณการใช้หนี้ การเติมเงินคงคลัง ที่เราสำรองจ่ายไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ฉะนั้นต้องมองในบริบทใหญ่

พล..ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ถ้ามองในภาพรวมจะเห็นว่า เศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งคำว่าดีขึ้นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะร่ำรวยทั้งหมด เพียงทำให้สถานะทางการเงินการคลังของเราแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เห็นได้คือการท่องเที่ยว ที่มีคนเข้ามาหลาย 10 ล้านคน การจองเครื่องบินเข้ามาหลายหมื่นไฟล์ ในช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งถือเป็นการจัดหารายได้เพิ่มเติม ซึ่งเราจะต้องเตรียมความพร้อมประเทศของเรา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวตลอดจนการลงทุนใหม่ ซึ่งช่วงปีที่ผ่านมาสูงขึ้นถึง 40 กว่าเปอร์เซนต์หลายแสนล้านบาท และยังมีการลงทุน จากภายนอกประเทศเข้ามาอีก รวมถึงเรื่องอุตสาหกรรมใหม่ๆ รถไฟฟ้า แบตเตอรี่สถานีเติมไฟต่างๆ เป็นต้น

สิ่งสำคัญจากนี้ ไทยจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้ได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เดินหน้าไปเยอะแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นรายได้ที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างที่หลายคนอยากได้มากขึ้น ถ้าเราหาเงินไม่ได้ก็จะลำบาก ซึ่งต้องใช้เวลาทำต่อเนื่องหลายปี และหลายอย่างเราทำใหม่ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะต้องใช้งบประมาณสูงขึ้น ในโอกาสต่อไป

พล..ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นจากนี้จะทำอะไรใหม่ๆ ก็ตาม จะต้องคำนึงถึงว่าเรามีทรัพยากรอยู่เท่าไหร่ จะดูแลใครได้บ้าง และดูแลได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นการจะทำอะไรต่างๆ ก็ตามถ้ามันมากเกินไปสิ่งที่ทำอยู่แล้วเดิม ก็สูญเสียไปทั้งหมดนั่นแหละ อะไรที่เคยได้มันก็จะไม่ได้ เพราะไปทำเรื่องใหม่ทั้งหมด ซึ่งมันจะคุ้มค่ากันหรือเปล่ากับการสูญเสียไปก็ไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องช่วยกันคิด

นอกจากนี้ เมื่อถามว่าธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) และกระทรวงการคลัง มีข้อเสนอแนะหรือมีข้อห่วงใยอะไรหรือไม่ถึงเรื่องการแจกเวินดิจิทัล นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ระมัดระวังเรื่องความมีเสถียรภาพของสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ ซึ่งตอนนี้ไทยอยู่ในระดับต้นๆ ที่รักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ได้ องค์กรทางด้านการเงินระหว่างประเทศชื่นชมประเทศไทย ว่าสามารถบริหารจัดการได้ดี การเงินมีเสถียรภาพ ค่าเงินบาทยังโอเคอยู่ หลายๆ อย่างมันดีขึ้น เพียงแต่ว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับประชาชนโดยรวม ก็ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วย ถ้ามีเราก็ดูแลให้ได้หมด อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งต้องระมัดระวังที่สุดในการใช้จ่ายเงิน