“บิ๊กตู่” ลั่นชัดรัฐมนตรีทุกคนต้องมีความรับผิดชอบหากติดโควิด สั่งทีมกฎหมายจัดการคนโยงสถานบันเทิงกับตึกไทย​คู่​ฟ้า



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังร่วมกับคณะแพทย์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารป้องกันโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็ก ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่นักการเมือง หรือรัฐมนตรีบางคนยังเดินทางไปที่อโคจรว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ ใครจะไปที่ไหนมาก็รู้ตัวอยู่แล้ว รัฐบาลจะไปห้ามก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล

“วันนี้ตนมองว่า เป็นบทเรียนพอสมควรแล้ว ขอให้หยุดกันเสียที เพราะหากใครติดเชื้อก็ต้องรักษา ซึ่งเป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจรไม่ควรไป เพราะนายกฯ ก็ไม่เคยไปไหนเลยกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สมัยหนุ่มๆ ก็คงคนละเรื่อง แต่ไม่ไปขนาดนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่นๆ ว่า มีการรายงานการกักตัวเข้ามาให้ทราบ ซึ่งเขาก็โอเค และตนได้สั่งการให้ทำงานอยู่ที่บ้าน​ ผ่านการประชุมระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์​ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันไลน์​ ไม่ใช่​ 14 วัน และจะหายไปเลย ทุกคนมีความรับผิดชอบ​ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใด ก็ต้องรับผิดชอบ จึงขอทุกคนรับผิดชอบไปกับตนเองด้วย รวมถึงสื่อมวลชนด้วยว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองสงบ​

ทั้งนี้ในส่วนการออกมาตรการ​ของจังหวัด​ที่ออกมาควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มี 2 อย่าง​คือ จังหวัดจะจัดการพื้นที่อย่างไร มีการจัดการพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างไร และจะเข้าไปอย่างไร​ และอีกประการคือคนที่จะเข้าไป​ มาจากพื้นที่ใดบ้าง และต้องคำนึงด้วยว่า​ การเดินทางจาก กทม. จังหวัดปลายทางจะรับหรือไม่​ ส่วนจะเพิ่มพื้นที่หรือไม่​ ศบค.​ จะเป็นผู้แถลงชี้แจง​ต่อไป

นอกจากนี้สำหรับกรณีที่มีการโยงสถานบันเทิงกับตึกไทย​คู่​ฟ้านั้น กำลังสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่า ผิดกฎหมายหรือไม่​ การใช้คำว่าไทยคู่ฟ้า​ ไปทำโน้นทำนี้​ คงไม่ใช่ ขอให้ระวังกันด้วย​

อีกทั้งเมื่อถามถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนไม่รับตรวจ โควิด-19 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกิดจากสาเหตุเตียงโรงพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ หากรับตรวจเมื่อพบว่าติดเชื้อ ก็ต้องรักษา จึงต้องนำผู้ป่วยนี้ดึงออกมาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และยืนยันว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนสามารถตรวจได้แล้วและมีน้ำยาเพียงพอ โดยนายกฯ อธิบายด้วยว่าหากรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดจะไม่สามารถรักษาโรคปกติได้ ซึ่งต้องมีการบริหารคนหมู่มาก

นอกจากนี้ในส่วนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเพียงแผนที่วางไว้ หากดำเนินการไม่ได้ก็ไม่ทำตามแผน ซึ่งหากจะบังคับใช้ได้จริง จะต้องออกมาเป็นคำสั่งไม่ใช่แผน รวมถึงการเจรจากับประเทศเช่น มีวัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ พร้อมย้ำว่า แผนการเปิดประเทศไม่ใช่เปิดโล่งทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าประเทศเพื่อนบ้านเขาเปิดหรือไม่

“ทุกวันนี้ต้องย้ำในเรื่องเศรษฐกิจค้าขายเป็นหลัก ทั้งต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งทำอะไรต้องเป็นกลางเสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ใช่เพียงแค่คิดแล้วสั่งโครมๆ ลงไปเลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว