“บิ๊กตู่” ยิ้มออก…พอใจตัวเลขส่งออกเดือน ต.ค. ยอดแตะ 7.5 แสนล้านบาท หนุน “ทีมไทยแลนด์” เร่งผลักดันส่งออกไทย



  • เผยส่งออก 10 เดือนแรกปี 64 ขยายตัวถึง 15.7%
  • ชี้เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน
  • กลุ่มสินค้าที่ขยายตัวดีคือ สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะข้าว
  • รองมาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม รับทราบรายงาน ภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือนตุลาคม 2564  โดยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม 2564 มีมูลค่า 22,738.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (750,016 ล้านบาท) ขยายตัว 17.4% และหากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 12.2% สะท้อนภาพการส่งออกของไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้มีคำสั่งซื้อจากประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

รวมถึงประกอบกับการบริหารนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีการเติบโตทั้งในสินค้าเกษตร และสินค้าอุตสาหกรรม ทั้งนี้การส่งออก 10 เดือนแรกของปี 2564 ขยายตัว 15.7% เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัว 19.6% ยืนยัน ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงของไทยกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง 

นายธนกร กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของไทยในปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น 1) ทิศทางการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 4 2) ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า เพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาให้กับสินค้าไทย 3) การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลายประเทศมีการเปิดประเทศมากขึ้นส่งผลดีต่อภาคการค้า 4) ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ และ 5) มูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์การค้าชายแดนเริ่มคลี่คลาย โดยด่านการค้าสำคัญจะกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง

สำหรับกลุ่มสินค้าที่ขยายตัวดีได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพาราน้ำมันปาล์ม น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ และส่วนประกอบ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องโทรศัพท์และอุปกรณ์ 3) สินค้า เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ 4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยางยานพาหนะ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และ 5) สินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) 

“นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้ทีมไทยแลนด์ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และส่วนราชการไทยทุกแห่งเร่งขับเคลื่อนสำหรับแผนส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี  ตามยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมมาตรการการส่งออกในระยะถัดไป เช่น การผลักดันการส่งออกมันสำปะหลังไทยให้มีคุณภาพอันดับ 1 ของโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์มันสำปะหลังไทยปี 2564 – 2567  เร่งรัดใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP หลังจากที่ไทยยื่นให้สัตยาบันแล้วและFTA ไทยกับคู่ค้าสำคัญ  ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรีในการรักษาตลาดเดิม สร้างตลาดใหม่ และฟื้นฟูตลาดเก่าที่เสียไป เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าผลักดันการส่งออกของไทยในตลาดต่างประเทศ เพื่อหลังเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน” นายธนกร กล่าว