“บิ๊กตู่”ตื่น!สั่งตั้งทีมสกัดไล่ล่าเหตุหน้ากากอนามัยแพง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอความต้องการประชาชน ว่า กำลังให้ชุดติดตามช่องทางการขายหน้ากากดูว่ามาอย่างไร ซึ่งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ได้เคลียร์ไปแล้วจากโรงงานไปสู่ผู้แทนการขาย ร้านค้า ร้านจำหน่าย เดี๋ยวจะไปตรวจร้านค้าย้อนกลับขึ้นไปข้างบนว่าสั่งซื้อที่ไหน อย่างไร ทำไมไม่ได้ของ หรือว่าของมันน้อย เพราะปริมาณที่เขาสรุปมาในขณะนี้มีประมาณวันละล้านกว่าชิ้น หากจำหน่ายตามช่องทาง และร้านค้าที่ว่าจริงก็จะโอเค

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้แบ่งให้กระทรวงสาธารณสุขไปใช้ทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และบางส่วนนำไปจำหน่ายในร้านค้าขององค์การเภสัชกรรม รวมประมาณ 3 แสนกว่าชิ้น ที่เหลือ 7-8 แสนชิ้นไปอย่างไร เพราะตอนนี้เราคุมได้จากโรงงานผลิตได้เท่าไร

“เดี๋ยวจะไปตรวจบัญชีว่าส่งไปที่ไหนบ้าง เพื่อที่จะหาให้เจอว่าหายไปไหน กักตุนหรือเปล่า ลักลอบขายต่างประเทศหรือไม่ เพราะตอนนี้ต่างประเทศให้ราคาสูงขึ้น ถ้าเทียบราคาหน้ากากอนามัยในหลายประเทศราคาสูงมาก แต่เราจะควบคุมให้อยู่ในราคา 2.50 บาท ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเรื่องสุขภาพและให้ความเป็นธรรมกับบรรดาผู้ผลิตด้วย ไม่อย่างนั้นไปกันไม่ได้ ไม่ใช่ตั้งราคากันไปเรื่อยเปื่อย” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนได้เคยบอกแล้วว่าวัสดุต้นทุนการผลิตต้องซื้อมาจากต่างประเทศ เรายังทำเองไม่ได้ นี่คือปัญหาของเรา ไม่เช่นนั้นเราสามารถเพิ่มได้ ทำอะไรได้ ตั้งโรงงงานใหม่ได้ ซึ่งวัสดุในวันนี้มาจากจีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย เป็นหลัก เวลานี้ลดส่งเข้ามาครึ่งต่อครึ่ง เพราะเขาก็ต้องใช้ในประเทศเหมือนกัน นั้นคือประเด็นของเราที่พยายามขยายโรงงานตรงนี้ จากเดิมโรคพวกนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อย การลงทุนสิ่งเหล่านี้จึงมีน้อย เวลานี้ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ไปดูเรื่องการขยายโรงงงาน และจะหาวัสดุต้นทุนได้อย่างไร ทำเองได้หรือไม่ เพราะโรงงานพวกนี้เราไม่มี ดังนั้นขอให้เข้าใจกันด้วย