

- เน้นตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล
- ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มการเดินทาง และการชำระเงินค่าสินค้า-บริการต่างๆ
- ตั้งเป้าปี 64 จำนวนบัตรเพิ่ม 15-20% จากปัจจุบันจำนวนไปแล้วกว่า 14 ล้านใบ
น.ส.รัชนี แสนศิลป์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด ผู้ให้บริการบัตร แรบบิท เปิดเผยว่า เป็นเวลากว่า 9 ปีที่บัตรแรบบิทได้ให้บริการ โดยบัตรแรบบิทสามารถใช้เดินทางได้ทั้ง รถ ราง เรือ ซึ่งถือเป็นบัตรใบเดียวที่ใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะได้ครอบคลุมมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้จ่ายค่าสินค้า และบริการต่างๆอีกมากมาย ซึ่งเรียกได้ว่า “บัตรแรบบิท” เป็น “common ticket” หรือเป็นบัตรเดียวที่สามารถใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะได้หลายอย่าง ในระบบ eco-system ได้อย่างแท้จริง เพราะบัตรแรบบิทสามารถตอบโจทย์การดำเนินชีวิตยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้นอกจากบัตรแรบบิท จะใช้จ่ายค่าโดยสารรถโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เรือโดยสารต่างๆ และรถเมล์บางสายแล้วยังสามารถใช้จ่ายค่า อาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการต่างๆ จากร้านค้าชั้นนำได้อย่างง่ายดายอีกด้วย นอกจากนี้ องค์กรชั้นนำหลายแห่ง ยังใช้บัตรแรบบิทเป็นบัตรประจำตัวพนักงาน เพื่อใช้บันทึกเวลาเข้า-ออกงาน ซึ่งพนักงานเหล่านี้ก็สามารถ นำบัตรพนักงานนี้มาเติมเงิน หรือเติมเที่ยวเดินทาง เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

“ในปีที่ผ่านมา มีการใช้บัตรแรบบิทกับระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ปัจจุบันบัตรแรบบิทสามารถใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ครอบคลุม 58.92 กม. และในวันที่ 16 ธ.ค. 2563 ที่ผ่านมา ก็สามารถใช้ในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทองที่ได้เปิดให้บริการ รวมทั้งสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (วัดพระศรีฯ – คูคต) ก็จะเปิดให้บริการเช่นกัน ซึ่งจะครอบคลุม 9.33 กม รวมทั้งสิ้น 68.25 กม. ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้บัตรแรบบิทได้ โดยจ่ายค่าเดินทางได้ เพิ่มความสะดวกสบาย และรวดเร็วให้กับผู้ถือบัตรแรบบิท คาดว่าจะทำให้จำนวนบัตรแรบบิทเพิ่มขึ้นอีก 15-20% จากปัจจุบันที่มีบัตรแรบบิทออกไปสู่ตลาดแล้วกว่า 14 ล้านใบ” น.ส.รัชนี กล่าว
นอกจากนี้ในปัจจุบัน บัตรแรบบิทสามารถใช้จ่ายค่าโดยสารได้ที่เรือด่วนเจ้าพระยา (ธงแดง) และเรือเจ้าพระยา ทัวร์ริสโบ๊ท (ธงฟ้า) ได้แล้ว และขณะนี้ทางแรบบิท ร่วมกับ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กำลังพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการติดตั้งเครื่องรับบัตรแรบบิท ที่เรือด่วนเจ้าพระยา ธงเหลือง ธงส้ม และธงเขียว ที่มี ผู้โดยสารรวมกว่า34,000 คน/วัน ให้เสร็จภายในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยให้วิถีชีวิตใหม่ของคนไทย สะดวก ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น


“สำหรับทิศทางของบัตรแรบบิทในปี 2564 บริษัทยังคงมุ่งสร้างสรรค์และค้นหาแนวทางใหม่ๆ นำเสนอสิทธิ ประโยชน์ต่างๆ ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เข้ามาตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภค เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสะดวกสบายและใช้งานได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังพร้อมปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีและ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคซึ่งในปีหน้านี้จะได้เห็นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ของบัตรแรบบิทที่จะทยอยออกมา โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี” น.ส.รัชนี กล่าว
น.ส.รัชนี กล่าวต่อว่า สำหรับอย่างแรกที่จะได้เห็นคือ แอปพลิเคชันสำหรับบัตรแรบบิท ที่บริษัทจะสร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยผู้ถือบัตรแรบบิททุกคนสามารถเติมเงินผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือของตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถเช็คยอดเงินคงเหลือได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมตรวจสอบประวัติการใช้งานได้ รวมถึงยังมีแผนที่จะทำให้แอปฯดังกล่าวนี้ มีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มขึ้น ที่สามารถรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้งานร่วมกับการสะสมและแลกคะแนนแรบบิท รีวอร์ดส

“อย่างที่บอกว่า บัตรแรบบิทของเราเป็น common ticket ในระบบ eco-system ของเราอย่างแท้จริง ทำให้บริษัทไม่หยุดสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็งมากขึ้น โดยในอนาคตอันใกล้ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถรับการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยบัตรแรบบิทผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างง่ายดายได้ด้วยแอปพลิเคชันที่บริษัทจะพัฒนามา เพื่อใช้แทน เครื่องอ่านบัตรนั่นเอง” น.ส.รัชนี กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณกลางปี 2563 บัตรแรบบิทได้รับความสำเร็จอีกขั้น ที่แสดงให้เห็นว่าเรายังเป็นที่หนึ่งในใจผู้บริโภค ด้วยการคว้ารางวัล Superbrands Award ในหมวด Banking/ Finance and Credit Card และ หมวดหมู่ย่อยในกลุ่ม E-money Services จาก Superbrands องค์กรซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่า เป็นองค์กรอิสระเพียงหน่วยงานเดียวในโลก ที่เป็นผู้ตัดสินด้านความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ ซึ่งรางวัลนี้ เป็นรางวัลที่เหมือนเป็นพลังให้บริษัทและทีมงานทุกคน มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง eco-system ของเราให้เข้มแข็งเพิ่มมากขึ้นนือชั้นในยุคดิจิทัลอย่างแน่นอน”
“โปรเจกต์ในปี 2564 ของบริษัทยังมีอีกมากมาย โดยคาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการดิจิตอลอย่างแน่นอนเพราะบริษัทกำลังร่วมพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่รูปแบบใหม่ ที่รับรองว่าจะสามารถสร้างกระแส ความต้องการให้เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ จากการร่วมมือกับบริษัทแกดเจ็ตชั้นนำระดับโลกในการเนรมิตให้บัตรแรบบิท กลายเป็นไอเทมสุดฮิตสำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ แต่รับรองว่าภายใน 2564 นี้ แรบบิท มีอะไรมาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นอย่างแน่นอน” น.ส.รัชนี กล่าว