บสย. ตั้งเป้าค้ำประกันทะลุแสนล้านบาท ปี 2563



  • เดินหน้ามาตรการ ต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย
  • ปรับโครงสร้าง – ยืดหนี้ สร้างโอกาสทางการเงิน ช่วย SMEs
  • ปี 2562 มียอดค้ำประกัน 90,628 ล้านบาท

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กทะลุแสนล้านบาทปี 2563 หลังประกาศผลการดำเนินงานปี 2562 มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 90,628 ล้านบาท

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึงแผนงานในปี 2563 ว่า ในปี 2563 บสย. มีแนวคิดในการบริหารงานด้วยกลยุทธ์ “ตัวเบา ไร้แผล มีอนาคต” โดย ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 100,500 ล้านบาท อนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ (LG) จำนวน 112,921 ฉบับ และช่วยผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ 83,562 ราย ผ่านมาตรการรัฐ ต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย มุ่งส่งเสริมและสนับสนุน ช่วยผู้ประกอบการเข้าสู่กระบวนการการปรับโครงสร้างหนี้ เติมโอกาสให้ SMEs ที่กำลังจะล้ม ให้ยืนได้ โดยการ ยืดหนี้ พักชำระหนี้ สร้างโอกาสทางการเงิน ช่วย SMEs คนตัวเล็ก ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs สร้างไทย ต่อเติม เสริมทุน วงเงิน 60,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี ค้ำประกันสูงสุด 10 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของนโยบายรัฐบาล ที่ได้ให้ความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ที่มีประวัติค้างชำระ แต่ยังมีความตั้งใจดำเนินธุรกิจให้อยู่รอดต่อไป
นอกจากนี้ บสย. ยังได้มีการขยายระยะเวลาการค้ำประกันสินเชื่อของ SMEs ที่อยู่ในโครงการ PGS5-7 ออกไปอีก 5 ปี ภายในกรอบวงเงิน 70,000 ล้านบาท โดยขณะนี้มีลูกค้า บสย. ที่อยู่ในระหว่างการรอการอนุมัติ ทั้ง 2 โครงการ จำนวน 5,014 ราย วงเงินรวม 12,539 ล้านบาท โดยปัจจุบัน บสย. ให้การค้ำประกันสินเชื่อไปแล้วกว่า 856,053 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 426,198 ราย และก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 1,261,094 ล้านบาท
โดยในปีนี้ บสย. ยังเดินหน้าการขับเคลื่อนองค์กรยกระดับสู่องค์กรรัฐวิสาหกิจชั้นนำ ภายใต้แพลตฟอร์มใหม่ สู่การทรานส์ฟอร์มอย่างเต็มรูปแบบ ชูบทบาทของการเป็นองค์กรแห่งการประสานความร่วมมือ การเชื่อมโยงเงินทุน และโอกาสทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาศักยภาพ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและองค์ความรู้ทั้งระบบ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก พัฒนาองค์กร และผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่ออย่างไม่หยุดยั้ง ยึดมั่นในธรรมาภิบาล ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สนับสนุน สร้างโอกาส ทางการเงิน ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ
ในขณะที่ผลการดำเนิงานในปี 2562 บสย. สามารถที่จะปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อ จำนวน 90,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับปี 2561 จำนวน 88,878 ล้านบาท เติบโตท่ามกลางสภาวะสินเชื่อ SMEs ที่หดตัว 2% โดยยอดค้ำประกันสินเชื่อ ปี 2562 มาจากการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS8 จำนวน 38,010 ล้านบาท โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS7 จำนวน 36,681 ล้านบาท โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS Renew จำนวน 7,281 ล้านบาท และ โครงการ Micro3 จำนวน 5,609 ล้านบาท และอื่นๆ
ยอดค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการเปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS8 ในเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งพบว่ายอดการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยในระหว่างเดือน ม.ค.-ส.ค. 2562 ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 5,668 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ค่าเฉลี่ยเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2562 อยู่ที่ 11,378 ล้านบาท
บสย. อนุมัติหนังสือค้ำประกัน (LG) 91,489 ฉบับ เพิ่มขึ้น 13.1% เทียบกับปี 2561 จำนวน 80,917 ฉบับ นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา บสย. ยังได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยออกหนังสือค้ำประกันสินเชื่อ (LG) จำนวน 14,465 ฉบับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้ง บสย.
และสามารถ ช่วยลูกค้ารายใหม่ จำนวน 70,129 ราย เพิ่มขึ้น 27.6% เทียบจากปี 2561 จำนวน 54,969 ราย
ด้านผลประกอบการ บสย. ปี 2562 มีรายได้รวม 7,793.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.23% และมีกำไรสุทธิ 754 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปี 2561 มีกำไรสุทธิ 595 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากความสามารถในการบริหารกองทุน การบริหารเงินลงทุน และ รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อจากการทำงานเชิงรุก ช่วยผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงสินเชื่อ
ผลสำเร็จของ บสย. ในปี 2562 ที่โดดเด่นด้านการติดตามหนี้ คือการปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการหนี้ แบบผ่อนคลาย ภายใต้กลยุทธ์การสร้างแรงจูงใจ เพื่อช่วยลูกหนี้ที่กำลังประสบปัญหาการชำระล่าช้า เข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ การยืดหนี้ และพักชำระหนี้ แทนการฟ้อง โดยลดการจ่ายหนี้ก้อนแรกจากเดิม 10% เหลือเพียง 1% เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ขอรับการประนอมหนี้มากขึ้น โดย บสย. สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มนี้ ได้ถึง 4,029 ราย สูงจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 856 ราย ดร.รักษ์ กล่าว