

- ส่วนความผิดอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
- คาดหากรวบรวมความผิดได้ชัดเจนในระดับหนึ่ง
- จะเร่งออกหมายเรียกผู้กระทำผิด รับทราบข้อกล่าวหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ก.ย.) พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย, พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.), พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (รองผู้ว่าฯกทม.) และนายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการกองโบราณคดี กรมศิลปากร ร่วมกันแถลงข่าว กรณีที่มีเจ้าหน้าที่ถอนหมุดที่ใช้ชื่อว่า “คณะราษฎร์ 2” ที่กลุ่มผู้ชุมนุมจัดกิจกรรมฝังไว้ที่สนามหลวง เมื่อช่วงเช้าวานนี้ว่า หลังจากที่ตัวแทนกรุงเทพมหานคร และกรมศิลปากร เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้จัดให้มีการชุมนุมในความผิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฐานทำให้เสียทรัพย์, ความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โดยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และกองพิสูจน์หลักฐาน จึงร่วมกันเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม และพบหมุดทองเหลืองดังกล่าวปักไว้บนพื้นซีเมนท์ จึงทำการอายัดไว้และส่งมอบให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบ เพื่อนำไปประกอบการดำเนินคดีตามที่มีการแจ้งข้อกล่าวหา
โดย พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า จากการสำรวจความเสียหายเบื้องต้น พบแผงเหล็ก 7 แผง, แม่กุญแจที่ใช้คล้องระหว่างแผงเหล็ก 92 อัน รวมถึงจุดที่มีการเจาะพื้นเพื่อวางหมุดดังกล่าวได้รับความเสียหาย จึงให้ผู้อำนวยการเขตพระนครในฐานะผู้รับผิดชอบพื้นที่ เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดี ส่วนความเสียหายอื่นๆ เช่น ต้นไม้ , สนามหญ้า ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประเมินว่ามีความเสียหายมากน้อยเพียงใด แต่มองว่าความเสียหายดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าความเสียหายไม่มาก อย่างไรก็ตามปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้กลับมาเปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการในพื้นที่สนามหลวงได้ตามปกติแล้ว
ด้านนายสถาพร ระบุว่า เหตุที่มีการร้องทุกข์ฐานทำให้โบราณสถานได้รับความเสียหาย เนื่องจากสนามหลวงเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่มีการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว และแม้ว่าพื้นที่ที่มีการวางหมุดคณะราษฎร์ 2 จะเป็นพื้นซีเมนท์ที่เพิ่งปรับภูมิทัศน์การใช้งานไปได้ไม่นานนั้น แต่ถือว่าอยู่ในบริเวณที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ ดังนั้นหากจะมีการปรับปรุงพื้นที่ หรือขุดเจาะใดๆก็ตาม ต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้ และเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ขออนุญาต จึงต้องดำเนินคดีในเรื่องนี้
ด้าน พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวว่า เรื่องการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ โดยเบื้องต้นพบผู้ที่เกี่ยวข้อง 16 คน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดให้มีการชุมนุม , การโฆษณาชักชวนคนมาร่วมการชุมนุม และปราศรัยบนเวที เข้าข่ายความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนความผิดอื่นๆยังอยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าเมื่อรวบรวมความผิดได้ชัดเจนในระดับหนึ่งแล้วจะเริ่มออกหมายเรียกให้ผู้กระทำผิดมารับทราบข้อกล่าวหาได้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนกรณีที่มีการบุกรุกเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เบื้องต้นยังไม่พบมีการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีการตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนหน้านี้สนามหลวงก็เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดการชุมนุมมาก่อนนั้น โดยในส่วนนี้ก็ขอชี้แจงว่า จนถึงขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกสถานที่แต่อย่างใด