![ก้าวไกล](https://mls8fhlsbb8r.i.optimole.com/cb:zWWv.13fd/w:696/h:464/q:mauto/ig:avif/https://thejournalistclub.com/wp-content/uploads/2023/04/ก้าวไกล.jpg)
-ตรวจสุขภาพประจำปีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต พร้อมกับให้ค่าเดินทางสำหรับเดินทางมาตรวจสุขภาพ
-ตรวจสุขภาพประจำปี รวมคัดกรองมะเร็ง 6 ชนิดฟรี สำหรับกลุ่มเสี่ยง
-วัคซีนเพิ่มเติมฟรีในเด็กและผู้ใหญ่
-ให้แว่นตาฟรี สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่มีปัญหาทางสายตา อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
-สุขภาพดี มีรางวัล (Health Score) เช่น ได้รับคูปองอาหารอินทรีย์/สินค้าสุขภาพ 300 บาท/ปี หรือรางวัลอื่น ๆ ที่จูงใจประชาชนให้รักษาสุขภาพ
-ทบทวนสิทธิประโยชน์ของกองทุนหลักประกันสุขภาพ และกองทุนประกันสังคม โดยจะทบทวนบัญชียาหลักในระบบและสิทธิประโยชน์ในกองทุนสุขภาพให้เท่าทันกับวิทยาการทางแพทย์
-กำหนดให้มีการตรวจสุขภาพจิตฟรี รวมเข้าไปในแพคเกจของการตรวจสุขภาพประจำปีตามสิทธิการรักษาพยาบาลของประชาชน
-ดูแลสุขภาพจิตครบวงจร เพิ่มบุคลากร-ขยายบัญชียา-ใช้เทคโนโลยี
-จัดตั้งคลินิกเยาวชน เพื่อเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการดูแลปัญหาด้านสุขภาพจิตให้เยาวชนโดยไม่จำเป็นต้องรายงานกับผู้ปกครองหรือโรงเรียน (ที่บางครั้งเป็นสาเหตุของปัญหา) และทำหน้าที่คัดกรองเบื้องต้นก่อนส่งต่อ
-สร้างสังคมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพจิตที่ดี
-สร้างแนวหน้าสุขภาพจิต ช่วยดูแล-บำบัด-ฟื้นฟูสุขภาพจิตของคนใกล้ตัว
-ยกระดับ รพ. สต. และศูนย์สาธารณสุขชุมชน Primary Care Unit (PCU)
-ปลดล็อกระบบการแพทย์ออนไลน์ Telemedicine
-ยุติการตั้งครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ รับยาฟรี ทุก รพ.สต.
-ลดความแออัดในโรงพยาบาล – ห้องฉุกเฉิน (ER) กันไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
-ส่งต่อ-หาเตียงแบบไร้รอยต่อ ด้วยศูนย์รวมเตียง-ระบบเชื่อมข้อมูลสุขภาพ
-เพิ่มยอดบริจาคอวัยวะเชิงรุก ถามทุกครั้งที่ทำบัตรประจำตัวประชาชน
-กองทุนดูแลผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยติดเตียง งบประมาณเฉลี่ย 9,000 บาท/คน/เดือน
-ศูนย์ดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองในชุมชน อย่างน้อยอำเภอละหนึ่งแห่ง
-จัดตั้งธนาคารอุปกรณ์ให้ยืมอุปกรณ์ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (เช่น เครื่องปั๊มออกซิเจน เครื่องให้ยาชั่วคราว) โดยให้เทศบาลหรืออบต. เป็นผู้บริหารจัดการธนาคารอุปกรณ์ โดยเป็นผู้จัดซื้ออุปกรณ์ให้ประชาชนยืม หรือรับบริจาคจากประชาชนหรือภาคเอกชนที่ประสงค์จะสนับสนุนอุปกรณ์
-เพิ่มสวัสดิการวันลาสำหรับแรงงาน เพื่อดูแลพ่อแม่ที่ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยการเพิ่มไปในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
-อนุญาตให้บุคคลที่ป่วยจากโรคทางกายที่รักษาไม่ได้ มีสิทธิเข้าสู่กระบวนการยุติชีวิตตนเองอย่างมีศักดิ์ศรีโดยความช่วยเหลือจากแพทย์ โดยผู้ทำต้องมีสติและได้รับการรับรองโดยจิตแพทย์ว่าไม่มีอาการป่วยทางสุขภาพจิต
-ลดชั่วโมงการทำงานบุคลากรทางการแพทย์ เช่นกำหนดชั่วโมงการทำงานของแพทย์ไม่เกิน 60 ชั่วโมง/สัปดาห์ ,กำหนดให้ได้พัก 8 ชั่วโมง หลังจากทำงานมาแล้วติดกัน 24 ชั่วโมง, กำหนดให้ได้พัก หากทำงาน 24.00-08.00 น. (เวรดึก), ลดภาระงานที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์ (เช่น เอกสารที่ไม่จำเป็น)
-ค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์เป็นธรรม
-พัฒนา อสม. เฉพาะทาง
-เปลี่ยนอาสากู้ชีพเป็นอาชีพ มีทุนพัฒนาทักษะ-สวัสดิการ
โปรดติดตามพรรคต่อไป……