“นิด้าโพล” เผยประชาชน 33.41% ยอมรับคำตัดสินของศาลยุบ “พรรคอนาคตใหม่”​



  • 25.32 % ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
  • เชื่อตั้งพรรคใหม่จะได้รับความนิยมกว่า”อนาคตใหม่”​  35.71%
  • “แฟลชม็อบ” เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามกฎหมาย 

ผู้สื่อข่าวรายงาน่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เรื่องของอนาคตใหม่” ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26 – 27 กุมภาพันธ์ 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ    ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,260 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคำตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคฯ  10 ปี และการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ติดแฮชแท็กเพื่อต่อต้านรัฐบาล ของนิสิตนักศึกษา หลังจากผลการตัดสินวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น  95.0%

จากการสำรวจเมื่อถามถึงสิ่งที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ ควรทำหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคฯ และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคฯ 10 ปี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 33.41% ระบุว่า ยอมรับคำตัดสินของศาลฯ รองลงมา 25.32 %ระบุว่า ใช้สิทธิวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยสุจริต11.35% ระบุว่า แกนนำอดีตพรรคฯ ควรรณรงค์ทางการเมือง          ทั่วประเทศ และให้ ส.ส. ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคฯ แสดงบทบาททางการเมืองแทน ในสัดส่วนที่เท่ากัน 8.65 %ระบุว่า ให้ ส.ส. ที่เหลืออยู่ ของอดีตพรรคฯ มีอิสระย้ายไปสังกัดพรรคไหนก็ได้ 8.33 %ระบุว่า แกนนำอดีตพรรคฯ ควรหยุดบทบาททางการเมือง 5.71 %ระบุว่า ให้ ส.ส. ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคฯ ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ที่เตรียมไว้ 4.29% ระบุว่า แกนนำอดีตพรรคฯ ควรเป็นผู้นำชุมนุมทางการเมืองบนถนน และ 10.71 %ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ 

ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ติดแฮชแท็กเพื่อต่อต้านรัฐบาลของนิสิต นักศึกษา หลังจากผลการตัดสินวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่  61.03 %ระบุว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามกฎหมาย รองลงมา 21.11 %ระบุว่า เป็นสัญญาณว่าสังคมไทยจะเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอีกครั้ง   12.70  %ระบุว่า กังวลว่านิสิต นักศึกษา จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ  ทางการเมือง7.78  %ระบุว่า กังวลว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมจนกลายเป็นการจลาจลแบบในฮ่องกง6.35 % ระบุว่า เป็นแค่กระแสชั่วคราว และ2.46  %ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความนิยมทางการเมืองของพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 35.71 % ระบุว่า จะได้รับความนิยมทางการเมืองมากกว่าที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้ รองลงมา 24.37  %ระบุว่า ไม่แน่ใจ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในวันข้างหน้า22.78  %ระบุว่า จะได้รับความนิยมทางการเมืองเท่า ๆ กับที่พรรคอนาคตใหม่  เคยได้   15.08  %ระบุว่า จะได้รับความนิยมทางการเมืองน้อยกว่าที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้ และ2.06  % ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ  %

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง 8.81  %มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ 25.72 % มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑล     และภาคกลาง   18.25 % มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ   33.57  %มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 13.65 % มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง 48.73  %เป็นเพศชาย และ  51.27 % เป็นเพศหญิง 

ตัวอย่าง  26.75 %จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า  30.79  %จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 8.65  % จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า 25.71  %จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า6.35 % จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และ  1.75 % ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่าง 10.71 %ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ   14.76 %ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน   24.13 % ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ  13.02 %ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง 14.13 %ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน  17.30 %เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน 3.97 %เป็นนักเรียน/นักศึกษา และ ะ 1.98 %ไม่ระบุอาชีพ   ตัวอย่าง 18.49 %ไม่มีรายได้   22.07 %มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท  23.33 %มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท   12.46 % มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท  5.24 %มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 –  40,000 บาท  8.41  % มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และ  10.00 % ไม่ระบุรายได้