
- 25.32 % ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
- เชื่อตั้งพรรคใหม่จะได้รับความนิยมกว่า”อนาคตใหม่” 35.71%
- “แฟลชม็อบ” เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงาน่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เรื่องของอนาคตใหม่” ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26 – 27 กุมภาพันธ์ 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,260 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคำตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคฯ 10 ปี และการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ติดแฮชแท็กเพื่อต่อต้านรัฐบาล ของนิสิตนักศึกษา หลังจากผลการตัดสินวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น 95.0%
จากการสำรวจเมื่อถามถึงสิ่งที่แกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ ควรทำหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้ยุบพรรคฯ และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคฯ 10 ปี พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 33.41% ระบุว่า ยอมรับคำตัดสินของศาลฯ รองลงมา 25.32 %ระบุว่า ใช้สิทธิวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญโดยสุจริต11.35% ระบุว่า แกนนำอดีตพรรคฯ ควรรณรงค์ทางการเมือง ทั่วประเทศ และให้ ส.ส. ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคฯ แสดงบทบาททางการเมืองแทน ในสัดส่วนที่เท่ากัน 8.65 %ระบุว่า ให้ ส.ส. ที่เหลืออยู่ ของอดีตพรรคฯ มีอิสระย้ายไปสังกัดพรรคไหนก็ได้ 8.33 %ระบุว่า แกนนำอดีตพรรคฯ ควรหยุดบทบาททางการเมือง 5.71 %ระบุว่า ให้ ส.ส. ที่เหลืออยู่ของอดีตพรรคฯ ย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ที่เตรียมไว้ 4.29% ระบุว่า แกนนำอดีตพรรคฯ ควรเป็นผู้นำชุมนุมทางการเมืองบนถนน และ 10.71 %ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ติดแฮชแท็กเพื่อต่อต้านรัฐบาลของนิสิต นักศึกษา หลังจากผลการตัดสินวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ พบว่า ส่วนใหญ่ 61.03 %ระบุว่า เป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามกฎหมาย รองลงมา 21.11 %ระบุว่า เป็นสัญญาณว่าสังคมไทยจะเผชิญกับความแตกแยกทางการเมืองอีกครั้ง 12.70 %ระบุว่า กังวลว่านิสิต นักศึกษา จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง7.78 %ระบุว่า กังวลว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมจนกลายเป็นการจลาจลแบบในฮ่องกง6.35 % ระบุว่า เป็นแค่กระแสชั่วคราว และ2.46 %ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความนิยมทางการเมืองของพรรคใหม่ที่จะเกิดขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 35.71 % ระบุว่า จะได้รับความนิยมทางการเมืองมากกว่าที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้ รองลงมา 24.37 %ระบุว่า ไม่แน่ใจ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในวันข้างหน้า22.78 %ระบุว่า จะได้รับความนิยมทางการเมืองเท่า ๆ กับที่พรรคอนาคตใหม่ เคยได้ 15.08 %ระบุว่า จะได้รับความนิยมทางการเมืองน้อยกว่าที่พรรคอนาคตใหม่เคยได้ และ2.06 % ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ %
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง 8.81 %มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ 25.72 % มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑล และภาคกลาง 18.25 % มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ 33.57 %มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 13.65 % มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง 48.73 %เป็นเพศชาย และ 51.27 % เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง 26.75 %จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า 30.79 %จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 8.65 % จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า 25.71 %จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า6.35 % จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และ 1.75 % ไม่ระบุการศึกษา ตัวอย่าง 10.71 %ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 14.76 %ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน 24.13 % ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ 13.02 %ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง 14.13 %ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน 17.30 %เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน 3.97 %เป็นนักเรียน/นักศึกษา และ ะ 1.98 %ไม่ระบุอาชีพ ตัวอย่าง 18.49 %ไม่มีรายได้ 22.07 %มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท 23.33 %มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 – 20,000 บาท 12.46 % มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001 – 30,000 บาท 5.24 %มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001 – 40,000 บาท 8.41 % มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และ 10.00 % ไม่ระบุรายได้










