นายกฯ ขอบคุณชาวนาไทยทุ่มเทแรงกาย-ใจ เพิ่มผลิตคุณภาพข้าวไทย ย้ำไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกร

  • เชื่อมั่นการรวมกลุ่มนาแปลงใหญ่
  • พัฒนาศูนย์ข้าวชุมชน
  • ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนา

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำนายศักดิ์ดา เขตกลาง ชาวนาดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2564 คณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรับฟังนโยบายด้านข้าวจากนายกรัฐมนตรีเนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2564 ซึ่งมี นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายด้านข้าว ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับข้าวและพี่น้องชาวนามาโดยตลอด จึงมีนโยบายในการรักษาเสถียรภาพข้าวและรายได้ของชาวนา โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำแผนการผลิตและการตลาดข้าวแบบครบวงจร เพื่อบริหารจัดการข้าวตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยใช้หลักการตลาดนำการผลิต ซึ่งได้แยกตลาดข้าวทั่วไปกับตลาดเฉพาะ เพื่อให้สามารถดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ให้ลดราคาข้าวลงมาให้ได้ ซึ่งในเรื่องนี้ ผู้นำชาวนาก็ต้องรับทราบและไปหาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยการพัฒนาภาคการเกษตรตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มีเป้าหมายเน้นใช้การเกษตรสร้างมูลค่าเพื่อพัฒนาความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องยกระดับภาคการเกษตรสู่อุตสาหกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ และทันต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น ต้องมีการพัฒนาเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็ง พัฒนาทรัพยากรการผลิตทางการเกษตร พัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น

ส่วนในด้านการสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาและองค์กรชาวนาพึ่งพาตนเองได้ มีรายได้เพียงพอและอยู่ดีมีสุขนั้น ได้กำหนดเป้าหมายให้ “ชุมชนข้าว” ประกอบด้วยสหกรณ์การเกษตรข้าว วิสาหกิจชุมชนข้าว ศูนย์ข้าวชุมชน กลุ่มชาวนา ไม่น้อยกว่า 10,000 กลุ่ม ต้องมีความเข้มแข็งระดับมาตรฐานในปี 2567 โดยให้ชุมชนชาวนาเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาและสร้างเครือข่ายขยายผล โดยมีชุมชนข้าวประกอบด้วย 1) ศูนย์ข้าวชุมชน (ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชน) 2) ชุมชนแปลงขยายพันธุ์ข้าว 3) ชุมชนข้าวแปลงใหญ่ 4) ชุมชนข้าวอินทรีย์ ขณะที่ในส่วนของการพัฒนาชาวนา จะมีการพัฒนาชาวนาในชุมชนข้าวเป้าหมายที่กำหนดเพื่อให้มีจำนวนชาวนาวปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ปราชญ์ชาวนา (Super Farmers) และชาวนารุ่นใหม่ (Young Smart Farmer) เพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับเกษตรกรชาวนา โดยเฉพาะชาวนาที่มีแปลงที่นาจำนวนน้อย ซึ่งชาวนาในส่วนนี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงได้มีการรวมแปลงเป็นชุมชนข้าวแปลงใหญ่เพื่อให้ชาวนามีรายได้ที่ทั่วถึงกัน ซึ่งที่สำคัญคือต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายด้านเครื่องจักรกลการเกษตรให้มากที่สุด พร้อมกับต้องรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้ได้เพราะเป็นรายได้ของชาวนา และปัจจุบันเป็นยุคของเทคโนโลยีดิจิทัล จึงขอให้เกษตรกรชาวนาได้ปรับวัฒนธรรมในการทำนา โดยให้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน โดยรัฐบาลจะดูแลเกษตรกรชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ SMEs และภาคอื่นๆ ของประเทศไปพร้อมกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวเชื่อมั่นว่า การรวมกลุ่มของชาวในรูปแบบนาแปลงใหญ่ และพัฒนาศูนย์ข้าวชุมชนให้เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาการผลิตข้าวและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจะช่วยให้พี่น้องชาวนามีความสามารถในการผลิต และช่วยขับเคลื่อนการผลิตข้าวของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยขอขอบคุณชาวนาไทยที่ได้ทุ่มเท แรงกายแรงใจเพื่อพัฒนาข้าวไทยและเพิ่มผลิตภาพข้าวไทยให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความยั่งยืนให้ภาคเกษตรไทยมาโดยตลอด พร้อมย้ำว่า “ใจของนายกรัฐมนตรีไม่เคยทิ้งเกษตรกร”

ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 เห็นชอบให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของข้าวในฐานะที่เป็นพืชอาหารหลักและมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวนาไทยในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักให้กับประชาชน