

- เปิดปัจจัยหลักต้องดันส่งออกโต 8%
- เบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้ 80%
- การบริโภคภาคเอกชนต้องขยายตัว 2.2% และการลงทุนเอกชน 4.3%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า นายกฯได้กำหนดเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของปี 2564 ต้องทำให้ได้ 4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ สศช.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 3% ซึ่งเป้าหมายใหม่ที่นายกฯมอบหมายถือเป็นเป้าที่ท้าทายมาก และการจะทำให้ไปถึงเป้านั้นได้จะต้องขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจต่างๆให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จะต้องทำให้มูลค่าการส่งออก ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่ำกว่า 8% จากปีก่อน ซึ่งการส่งออกในปี 2564 ถือว่าอยู่ในช่วงของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งหากสามารถขับเคลื่อนการส่งออกได้เป็นอย่างดีจะส่งผลไปยังการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นก็จะเกิดการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นซึ่งขณะนี้การผลิตในประเทศอยู่ที่ประมาณ 66.4% ในเดือน ม.ค.2564 ซึ่งการส่งออกที่เพิ่มจะเพิ่มและการลงทุนที่เพิ่มขึ้นก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ขณะเดียวกัน ต้องผลักดันการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 2.2% การอุปโภคภาครัฐบาล ขยายตัว 5.2% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 4.3% การลงทุนภาครัฐขยายตัว 12% ซึ่งการเบิกจ่ายงบลงทุนต้องทำได้ไม่น้อยกว่า 80% ของงบประมาณทั้งหมด

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯยังได้รับทราบการทำจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงรุกดึงดูดนักลงทุน ซึ่งที่ผ่านมานายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ได้ดำเนินการและเอามานำเสนอในที่ประชุม เน้นดึงอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพ และดิจิทัล โดยในระยะเร่งด่วนตั้งเป้าหมายดึงกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการดูแลสุขภาพเข้ามาก่อน เพราะสามารถทำได้เร็ว โดยที่ประชุมมอบหมายให้ไปจัดทำรายละเอียด และหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่าง ๆ ให้เสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้นจึงนำมาเสนอที่ประชุม ศบศ. เห็นชอบอีกครั้ง