นายกฯสั่งเฟ้นหาอุตสาหกรรมแชมป์เปี้ยน เล็งส่งเสริมไปเติบโตในตลาดโลก



  • วางวิสัยทัศน์พัฒนาประเทศในปี 2564 ให้ ครม.รับทราบ
  • เลือกอุตสาหกรรมใหม่ที่มีผลต่อเศรษฐกิจสูงสุด

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ได้กำหนดวิสัยทัศน์ให้ ครม.ได้รับทราบเราควรเดินหน้าประเทศไปอย่างไรในอนาคต อย่างความสามารถทางเศรษฐกิจที่จะต้องเร่งรัดขับเคลื่อนในปี 2564 เราต้องดูโครงสร้างของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทษ(จีดีพี)และค่าใช้จ่ายในปี 2563 เช่น การส่งออกสินค้าบริการ สัดส่วน 51 % ลงทุนภาคเอกชน 18 % ลงทุนภาครัฐ 6 % กลุ่มเป้าหมายและเป้าหมายของไทยคือ เราต้องมีเหตุผลในการเลือกอุตสาหกรรมใหม่ที่มีผลต่อเศรษฐกิจสูงสุด เป็นแนวโน้มอุตสาหกรรมยุคใหม่ของโลก ซึ่งเรายังขาดแชมป์เปียนส์ ต้องหามาให้ได้ เราต้องทำที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปตลาดโลก ส่งเสริมตลาดออกไป เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีทางการแพทย์ และการดูแลสุขภาพ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งก็มีรายงานว่าประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งในอาเซียนที่มีการพัฒนาเรื่อง 5G ได้เร็วที่สุด

“เหล่านี้คือสิ่งทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ผมพูดคุยกับฝ่ายเศรษฐกิจมาโดยตลอด ได้หาตัวอย่างมาซึ่งพบว่าประเทศจีนมีการประกาศแผนระยะกลางและระยะยาวในเรื่องของการปฏิรูป และการพัฒนาระบบการศึกษาแห่งชาติซึ่งหลายอย่างอยู่แล้วเราทำอยู่แล้ว โดยได้นำแจกให้ครม.ทุกคนไปช่วยกัน อย่างเรื่อง BCG ที่เราขับเคลื่อนประเทศ ฉะนั้นถ้าเราคิดร่วมกันไปได้หมด”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การประเมินทางเศรษฐกิจวันนี้หลายๆธุรกิจเริ่มดีขึ้น มีทั้งดีขึ้น ทรงๆและชะลอตัวช้าลงมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการทางเศรษฐกิจ วัคซีนโควิด-19 ที่เราเริ่มฉีดทำให้ความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ส่วนกรณีราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องรัฐบาลจะมีแนวทางช่วยเหลือประชาชนอย่างไรว่า ต้องไปดูสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกว่าเป็นอย่างไร เรามีการเปิดเสรีเรื่องของน้ำมัน ก็ต้องไปดูน้ำมันต้นทุน ซึ่งวันนี้ความขัดแย้งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายๆกลุ่ม มีปัญหากันหมดซึ่งทำให้ต้นทุนราคาสูงขึ้นซึ่งรัฐบาลได้ติดตามในเรื่องนี้ว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร