

- หลังพบระบาดระลอก 3 และมีหลายสายพันธุ์
- ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 10 ล้านโดสภายในเม.ย.นี้
- หวังยกเลิกใช้มาตรการล็อกดาวน์โดยเร็วที่สุด
นายฌอง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดหลายสายพันธุ์ และได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลฝรั่งเศสยังมองว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นั้น มีความสำคัญมากที่สุดในการควบคุมการแพร่ระบาด
“ขณะนี้การแพร่ระบาดของโรค กินระยะเวลานานกว่าที่คาด แต่การระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชน จะช่วยให้สามารถยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ได้” นายกัสเต็กซ์กล่าวกับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศส โดยที่ประชุมได้จัดให้มีการยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 90,000 รายในฝรั่งเศส นับตั้งแต่มีการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งแรก
ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสให้คำมั่นว่าจะฉีดวัคซีนโดสแรกให้ได้อย่างน้อย 10 ล้านโดสภายในกลางเดือนเม.ย.นี้ หลังจากนั้น ตั้งเป้าหมายจะฉีดให้ได้ 20 ล้านโดสภายในกลางเดือนพ.ค. และเพิ่มเป็น 30 ล้านโดสภายในช่วงฤดูร้อน (มิ.ย.-ส.ค.) โดยล่าสุด ณ วันที่ 16 มี.ค.64 หน่วยงานด้านสาธารณสุขของฝรั่งเศสระบุว่า มีประชาชน 5,295,735 รายที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส โดยในจำนวนนี้มีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 1.3 ล้านโดส
อย่างไรก็ดี รัฐบาลฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ ในยุโรปกว่า 20 ประเทศ ได้มีคำสั่งระงับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นการชั่วคราว หลังจากมีรายงานการเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ รวมถึงภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางราย โดยหนังสือพิมพ์เลอมงด์ของฝรั่งเศสรายงานว่า การออกคำสั่งระงับการฉีดเช่นนี้ จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อแผนดำเนินการฉีดวัคซีนในยุโรป