ต้านแรงขายทำกำไรไม่ไหว ดาวโจนส์ลบกว่า 30 จุด หลังบวกต่อเนื่อง

นักลงทุนเริ่มขายหุ้นออกเพื่อทำกำไร หลังราคาหุ้นดีดขึ้นต่อเนื่องหลายวันทำการ โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.2567

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บรรยากาศชะลอ ดาวโจนส์พักฐาน หลังดีดตัวขึ้น 9 วันติดต่อกัน
  • ดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง ขณะที่จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 2%
  • นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ศุกร์นี้

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ  37,518.19 จุด ลดลง
39.73 จุด หรือ 0.11%  ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,770.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.79 จุด หรือ 0.04%  ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 15,038.45 จุด เพิ่มขึ้น  35.23 จุด หรือ0.23% 

มีแรงขายออกมาเพื่อทำกำไรในดัชนีโจนส์ ส่งผลให้ดัชนียืนแดนลบ อย่างไรก็ตาม ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กยังอยู่ในแดนบวก ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 6 ครั้งในปี 2567 โดยปรับลดครั้งละ 0.25% รวม 1.50% มากกว่าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.75%

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง

โดยจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วส่วนจำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 726,200 ดอลลาร์ ปรับตัวลงสู่ระดับ 6.83% จากระดับ 7.07% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ชะลอลงจากระดับ 3.0% ในเดือนต.ค.